ทั้งนี้ เคมเปญดังกล่าว ตั้งขึ้นโดยแพทย์คนหนึ่งในประเทศไทยโดยระบุเหตุผลว่า "เนื่องด้วยสถานการณ์โควิดที่กำลังระบาดอยู่ในประเทศไทยและทั่วโลกปัจจุบันมีผลการศึกษาเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนออกมามากมายหลายชนิดและทางแพทย์รวมถึงประชาชนทั่วไปได้รับทราบถึงประสิทธิภาพของวัคซีนชนิดต่างๆมากมายผ่านบทความทางวิชาการ ผ่านข่าวสารทั้งใน และต่างประเทศมากมายและผลการศึกษานั้นยังได้บ่งบอกถึงประสิทธิภาพของวัคซีนชนิดต่างๆ ตั้งแต่ Sinovac ที่ไม่สามารถลดอัตราการแพร่เชื้อในประเทศ ชิลี ตุรกี บราซิลและอินโดนิเซียได้ เช่นในประเทศชิลี ที่มีอัตราการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มไปแล้วถึง 50% แต่ก็ยังมีจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ไม่ได้ลดลงเลยและในประเทศอินโดนิเซีย ยังมีรายงานว่า บุคลากรทางการแพทย์จำนวนมากยังมีการติดเชื้ออยู่ทั้งที่ได้รับวัคซีน Sinovac ครบ 2 เข็มไปแล้ว
ในทางกลับกันวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูง เช่นวัคซีน mRNA ของบริษัท Pfizer หรือ Moderna ก็ได้มีบทความทางวิชาการ และสถิติที่ชัดเจนว่าสามารถลดอัตราการแพร่กระจายเชื้อได้เป็นอย่างดี ถึงแม้จะมีการฉีดวัคซีนที่ครบ 2เข็มเพียง 50% เท่านั้น และในบางประเทศประชาชนสามารถที่จะใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงกับปกติแล้ว แต่นพ.ยง กลับมีความเห็นในด้านวัคซีนที่ผิดเพี้ยนไปจากบทความทางวิชาการและหลายต่อหลายครั้งที่สนับสนุนวัคซีนที่ด้อยประสิทธิภาพอย่าง Sinovac โดยไม่มีหลักฐานทางวิชาการมารองรับ เช่นระยะห่างในการฉีดวัคซีน Astrazenecaที่ตามคำแนะนำให้ฉีด 2 เข็มห่างกัน 12 สัปดาห์ แต่นพ.ยงกลับแนะนำให้ฉีดห่างกัน 16 สัปดาห์ หรือประสิทธิภาพของวัคซีน Sinovac เข็มที่ 3 ที่ไม่มีการศึกษาวิจัยเลยมีแต่คำพูดของประธานบริษัทผู้ผลิต Sinovac ที่กล่าวอ้างว่าอาจจะมีประสิทธิภาพดี แต่ นพ.ยง กลับนำเรื่องการฉีดวัคซีน Sinovac เข็มที่ 3 มาให้คำแนะนำกับประชาชน และนพ.ยงไม่เคยแนะนำให้ประเทศนำเข้าวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงเข้ามาในประเทศ ทั้งที่ผลการศึกษาเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนแตกต่างกันอย่างชัดเจนและราคาก็ไม่ได้แตกต่างกัน แต่ยังคงออกมาปกป้องวัคซีน Sinovac
ในฐานะที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นสถาบันหลักของประเทศชาติในการดำรงไว้ซึ่งหลักการทางวิทยาศาสตร์ที่ถูกต้องจึงขอเรียกร้องให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยดำเนินการกับแพทย์ที่ไม่ทำตามหลักฐานทางวิทยาศาสตร์แพทย์ไม่ทำตามผลการศึกษาที่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ แพทย์ที่ขายจรรยาบรรณของตนเองเพื่อรับใช้ทางการเมืองเพื่อให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นมหาวิทยาลัยที่คงไว้ซึ่งความตรงไปตรงมาตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงหนึ่ง #ChulalongkornUniversity ได้ขึ้นในเทรนด์ทวิตเตอร์ สูงสุดที่อันดับ 7 หลังประชาชนหลายคน ได้แชร์แคมเปญดังกล่าว ลงในทวิตเตอร์ทำให้ได้รับความสนใจจำนวนไม่น้อย