svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ไลฟ์สไตล์

เจาะเส้นทางเครื่องบินปลดระวาง

11 สิงหาคม 2557
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

บทความจากคุณ อาคม บล็อคเกอร์เว็บไซต์ oknation

ช่วงปีนี้มีข่าวหลายสายการบินประกาศปลดระวางเครื่องบินเก่าที่ใช้เวลารับใช้ผู้โดยสาร และกัปตัน รวมถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด เป็นความผูกพันที่ยากจะบรรยาย เหมือนเครื่องบินลำนั้นมีชิวิตและรู้ตัวเองว่ากำลังปลดระวาง ซึ่งเหตุผลการปลดระวางก็คล้ายกับคนเราที่ปลดเกษียณ เพราะใช้มานาน เครื่องย่อมมีการบำรุงรักษาสูง แถมใช้เชื้อเพลิงที่สูงในเชิงเปรียบเทียบกับเครื่องรุ่นใหม่ รวม ๆ คือต้นทุน ซึ่งแต่ละสายการบินจะมีสูตรคำนวณอายุการใช้งานแตกต่างกัน
บั้นปลายของเครื่องที่ปลดระวางมีประมาณ 3-4 ทางคือ
ทางแรกการรีไซเคิ้ล เพราะเครื่องบินที่ปลดระวาง ชิ้นส่วนเครื่องบินที่เป็นอลูมิเนียมและไททาเนี่ยมมีความต้องการซื้อสูงในประเทศจีน เครื่องบินที่ปลดระวางแล้วมีราคาขายให้เอกชนรับซื้อไปชำแหละลำละประมาณ 6-10 ล้านบาท ทั้งนี้ไม่รวมตัวเครื่องภายในที่ถอดออกไปก่อนแล้ว ส่วนใหญ่เท่าที่เห็นประกาศขายก็มี Boeing 747
หนทางที่สองคือ นำไปออกแบบต่อยอดทำโรงแรม ร้านอาหาร ที่พัก ฯลฯ แปรสภาพเป็นห้องเรียนเคลื่อนที่ หวังส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการการเรียนรู้และการสอนแก่นักเรียนและครู
ทางที่สามคือ ถูกยกไปสร้างแหล่งปะการังใต้ทะเล ซึ่งที่ภูเก็ตมีเครื่องบินหลายลำได้อุทิศร่างไปให้ปะการังสัตว์ทะเลเป็นที่อยู่อาศัยหลังเหตุการณ์สึนามิ
ทางสุดท้ายก็คือการจอดทิ้งไว้เฉย ๆ ไว้ให้เวลาเป็นผู้สลายผุพัง บางที่โดยเฉพาะที่สหรัฐฯ ใด้มีสุสานเครื่องบินกลางทะเลทรายเป็นที่รวมเครื่องบินเก่าไว้ ตรงนี้น่าสนใจครับ หากไทยมีใครที่จะกล้าลงทุนเรื่องการสร้างพิพิธภัณฑ์เครื่องบินเก่าขึ้นมา ซึ่งต้องใช้พื้นที่มหาศาลการจัดการดูแล และอาจจะทำเป็นในเชิงธุรกิจได้
ล่าสุดการบินไทยได้จัดพิธีอำลาเครื่องบินแบบแอร์บัส เอ 300-600 จำนวน 5 ลำ ที่มีอายุการใช้งานเฉลี่ย 16 ปี บินให้บริการภายในประเทศและภูมิภาค ซึ่งต้องถูกปลดประจำการตามมติบอร์ดการบินไทย เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2554 ที่เห็นชอบอนุมัติปลดระวางเครื่องบิน รวม 50 ลำ ในช่วง 7 ปี ตั้งแต่ปี 2554-2560 เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการจัดหาเครื่องบิน 37 ลำ

โดยเครื่องบินที่มีการทยอยปลดระวางทั้ง 50 ลำ ประกอบด้วย

1.เครื่องบินโบอิ้ง 747-400 จำนวน 6 ลำ ปลดระวางในช่วงปี 2555-2556

2.เครื่องบินแอร์บัส เอ 340-500 จำนวน 4 ลำ ปลดระวางปี 2555-2556

3.เครื่องบินแอร์บัส เอ 340 -600 จำนวน 6 ลำ ปลดระวางปี 2558-2560

4.เครื่องบินแอร์บัส เอ300-600 จำนวน 13 ลำ ปลดระวางปี 2554-2558

5.เครื่องบินโบอิ้ง 737-400 จำนวน 9 ลำ ปลดระวางปี 2557-2558

6.เครื่องบินโบอิ้ง 777-300 อีอาร์ จำนวน 5 ลำ ปลดระวางปี 2558 หลังครบสัญญาเช่าจากสายการบินเจ็ท แอร์เวย์ส

7.เครื่องบินโบอิ้ง 777-200 จำนวน 2 ลำ ปลดระวางปี 2560

8.เครื่องบินแอร์บัสเอ 330-300 จำนวน 3 ลำ ในปี 2560

9.เครื่องบินเอทีอาร์ -72 จำนวน 2 ลำ

ก่อนหน้านี้ปี 2555 บริษัทฯได้ปลดระวางเครื่องบิน 11 ลำ ประกอบด้วย

- เครื่องบินแอร์บัส A300-600 จำนวน 2 ลำ

- เครื่องบินแอร์บัส A340-500 จำนวน 4 ลำ

- เครื่องบินโบอิ้ง 747-400 จำนวน 2 ลำ

- เครื่องบินโบอิ้ง 737-400 ที่สายการบินนกแอร์เช่าและสิ้นสุดสัญญาเช่า จำนวน 3 ลำ

ปี 2556 บริษัทฯ ได้ปลดระวางเครื่องบิน 14 ลำประกอบด้วย

- เครื่องบินแอร์บัส A300-600 จำนวน 4 ลำ

- เครื่องบินโบอิ้ง 777-300ER จำนวน 5 ลำ เนื่องจากหมดสัญญาเช่ากับสายการบินเจ็ทแอร์เวย์ส

- เครื่องบินโบอิ้ง 747-400 จำนวน 2 ลำ

- เครื่องบินโบอิ้ง 737-400 ที่สายการบินนกแอร์เช่า จำนวน 1 ลำ

- เครื่องบิน ATR72 ที่สายการบินนกแอร์เช่า จำนวน 2 ลำ

หากดูเฉพาะการรีไซเคิลเครื่องบินที่ปลดระวางแล้วมีการคาดกันว่าตั้งแต่ในช่วงปี 2005 จนถึงปี 2025 จะมีเครื่องบินเก่าที่ปลดระวางใช้การไม่ได้แล้วตกราวๆปีละประมาณ 200 ลำจากสายการบินทั่วโลกมากกว่า 4,000 แห่ง ซึ่งเท่าที่ดูยอดขายแอร์บัส และโบอิ้งปัจจุบันถือว่ายอดขายเติบโตสูงมาก และยอดเครื่องปลดระวางจะสูงขึ้นเพราะแต่ละสายการบินต้องการลดต้นทุนเรื่องพลังงานและต้องการใช้ของใหม่กัน เห็นได้จากกระแสของโบอิ้ง 787 Dreanliner ที่แรงมากในช่วงเดือนที่ผ่านมา


อ่านเพิ่มเติมที่http://www.oknation.net/blog/akom/2014/08/02/entry-2

อ้างอิง : วิกีพีเดีย,www.thaiwasteexchange.net

logoline