
ท่ามกลางผู้คนขวักไขว่ในตลาดเก่าเยาวราช แหล่งรวมอาหารรสเลิศที่ผู้คนมาจับจ่ายซื้อของเพื่อนำไปประกอบอาหาร โดยเฉพาะช่วงเทศกาลตรุษจีนเช่นนี้ผู้คนย่อมมีมากเป็นพิเศษ และทำให้ชุมชุมชนศาลเจ้าเล่งบ๊วยเอี๊ยะ สถานที่อันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้สร้างมาเมื่อครั้งกรุงศรีอยุธยา พลอยคึกคักตามไปด้วย
จากคำบอกเล่าของคนรุ่นก่อน ศาลเจ้าเล่งบ๊วยเอี๊ยะเดิมเป็นศาลเจ้าแต้จิ๋วเก่าแก่ ซึ่งชาวจีนให้ความนับถือ ยึดเป็นที่พึ่งทางใจของตนเองและครอบครัว ยิ่งช่วงเทศกาลตรุษจีนหรือวันขึ้นศักราชใหม่ จึงพากันมากราบไหว้บูชาเพื่อเสริมพลังชีวิตให้เต็มไปด้วยความก้าวหน้าและความสงบร่มเย็น
เมื่อเข้าไปถึงหน้าตัวอาคาร สร้างเป็นชั้นเดียวขนาดย่อม ตามแบบสถาปัตยกรรมจีน สันนิษฐานกันว่าน่าจะมีอายุยาวนานที่สุดในประเทศไทย ตามหลักฐานป้ายจารึกของศาลเจ้าที่เขียนเป็นภาษาจีน สร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๒๐๑ ซึ่งตรงกับสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนกลาง มีหลังคาใหญ่ ประดับกระเบื้องเคลือบสี เป็นรูปมังกร หงส์และสิงห์ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งมงคลทั้งสิ้น และงานปูนปั้นรูปเซียนและข้อความของผู้ที่ร่วมบูรณะศาลเจ้าแห่งนี้
ที่ด้านในของอาคาร มีโบราณวัตถุสำคัญเคียงคู่กับศาลเจ้าแห่งนี้ คือ ป้ายสลักอักษรจีน ๓ ป้าย เขียนขึ้นในรัชสมัยพระเจ้ากวางสีฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ชิง ระฆังโบราณสร้างสมัยพระเจ้าเต้ากวง ซึ่งเป็นฮ่องเต้สมัยช่วงปลายราชวงศ์ชิงของจีน รวมทั้งกระถางทองเหลืองสลักพระปรมาภิไธยย่อ จปร. และข้อความคำว่าคุ้มครอง รัตนโกสินทร์ศก ๑๒๙ พระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณแก่ชาวจีนเป็นล้นพ้น
รวมทั้งพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินยังศาลเจ้าแห่งนี้ถึงสองครั้ง พร้อมลายพระหัตถ์พระนาม ข้อความ ทรงพระเจริญ และ ทุกปีต้องมีเงินเหลือ สะท้อนความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างไทยจีนที่มีอย่างยาวนาน
นอกจากนี้ยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวจีนให้ความเคารพนับถือ คือรูปปั้นเล่งบ๊วยเอี๊ยะและภรรยา องค์ประธานที่ชาวไทย- จีนเลื่อมใส ศรัทธา มักแวะเวียนมาขอพึ่งบารมี ฮวยกง ฮวงม่า ที่พ่อแม่หวังมีบุตร จะเดินทางขอให้ได้ลูกสมความปรารถนา โดยเขียนคำอธิษฐานที่ผู้มากราบไหว้ ลงบนผ้าสีแดง
ถึงจะเป็นศาลเจ้าเล็กๆ แต่มีผู้ศรัทธาแวะเวียนมาขอพรอยู่ไม่น้อย กำลังใจและความเป็นสิริมงคลที่พวกเขาจะได้รับกลับไปแล้ว ยังได้งานศิลปะแห่งวิถีชาวจีนควบคู่กันไป