svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาหาร

"ทุเรียนนนท์" ของดีของเมืองนนท์ที่กำลังหายไปกับกาลเวลา

หากพูดถึงจังหวัดนนทบุรี เชื่อว่าร้อยทั้งร้อยจะต้องนึกถึง "ทุเรียนนนท์" ซึ่งถือได้ว่าเป็นราชาแห่งผลไม้ที่เป็นสัญลักษณ์คู่เมืองนนท์ แต่ในปัจจุบันกำลังจะเลือนหายเหลือแต่ในความทรงจำ เพราะน้ำท่วมครั้งใหญ่เมื่อปี 2554 ซึ่งได้สร้างความเสียหายแก่สวนทุเรียนในพื้นที่เกือบหมด หลายคนถอดใจเลิกทำสวนไปเพราะกว่าจะปลูกให้ได้ผลผลิตนั้นใช้เวลายาวนานมาก แต่อย่างไรก็ดียังมีสวนแห่งหนึ่งที่สามารถรอดพ้นช่วงวิกฤตินั้นไปได้

"สวนทุเรียนนนท์ ป้าต้อย-ลุงหมู" ตั้งอยู่บนพื้นที่ 4 ไร่ หมู่ 3 ต.บางรักน้อย อ.เมือง จ.นนทบุรี เป็นสวนอนุรักษ์พันธุ์ทุเรียนที่มีชื่อเสียงของจังหวัดนนทบุรี ที่ยังคงมีทุเรียนนนท์หลงเหลืออยู่ ซึ่งคำว่า "ทุเรียนนนท์" หรือ "ทุเรียนสวน" นั้นเป็นชื่อเรียกรวมทุเรียนทุกสายพันธุ์ที่ปลูกในพื้นที่ดินของจังหวัดนนทบุรี ไม่ว่าจะเป็น ก้านยาว หมอนทอง ชะนี กระดุม กบ ฯลฯ ส่วนทุเรียนที่ปลูกที่ภาคอื่นนั้นชาวสวนนนท์จะเรียกว่า "ทุเรียนนอก" ซึ่งสิ่งที่ทำให้ทุเรียนนนท์นั้นมีรสชาติหอมอร่อย เนื้อหวาน เพราะสภาพภูมิศาสตร์ของดินและปัจจัยการปลูก เช่น การปลูกแบบยกร่อง และปลูกผสมผสานกับผลไม้อื่นๆ

"ทุเรียนนนท์" ของดีของเมืองนนท์ที่กำลังหายไปกับกาลเวลา

"ทุเรียนนนท์" ของดีของเมืองนนท์ที่กำลังหายไปกับกาลเวลา

"ทุเรียนนนท์" ของดีของเมืองนนท์ที่กำลังหายไปกับกาลเวลา

"ทุเรียนนนท์" ของดีของเมืองนนท์ที่กำลังหายไปกับกาลเวลา



นางมะลิวัลย์ หาญใจไทย อายุ 54 ปี และ นายสมนึก หาญใจไทย อายุ 56 ปี หรือ ป้าต้อย-ลุงหมู สองสามีภรรยา เจ้าของไร่ทุเรียนแห่งนี้ได้รอดพ้นวิกฤติน้ำท่วมปี 54 มาได้ ซึ่งสวนแห่งนี้เป็นมรดกตกทอดตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ของป้าต้อย เธอช่วยครอบครัวทำสวนมาตั้งแต่เด็ก ไม่ค่อยได้เรียนหนังสือ พออ่านออกเขียนได้"หลายคนถามป้าว่าทำไมไม่เรียนหนังสือ มาทำสวนตากแดดตากฝนทำไม แทนที่จะได้แต่งตัวสวยๆไปทำงานนั่งห้องแอร์แบบผู้หญิงในสมัยนั้น จริงๆ ป้าแค่อยากช่วยพ่อแม่ พอทำไปทำมาก็รู้สึกสนุกและมีความสุขที่ได้เห็นต้นไม้ที่เราปลูกค่อยๆ มีพัฒนาการเจริญเติบโต ออกดอกออกผล" ป้าต้อยกล่าวถึงความในใจสมัยก่อน

"ทุเรียนนนท์" ของดีของเมืองนนท์ที่กำลังหายไปกับกาลเวลา

"ทุเรียนนนท์" ของดีของเมืองนนท์ที่กำลังหายไปกับกาลเวลา

"ทุเรียนนนท์" ของดีของเมืองนนท์ที่กำลังหายไปกับกาลเวลา



แต่ก่อนเวลาตัดทุเรียนได้ คุณแม่ก็จะพายเรือเอาไปขายที่ท่าน้ำนนทบุรี ณ ตอนนั้นทุเรียนนนท์ไม่ใช่ของหายาก ใครๆก็ปลูกกัน ทำให้ราคาแค่ลูกละประมาณ 100 บาท จนพอน้ำท่วมปี 54 ทำให้ทุเรียนนนท์ขาดตลาด ส่งผลให้ราคาแพงขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นหลักพัน และปัจจุบันพุ่งทะยานไปถึงลูกละประมาณ 15,000 - 20,000 บาท ด้วยอุปสงค์กับอุปทานที่สวนทางกัน ซึ่งเธอก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่าราคาต่อลูกจะสูงถึงเพียงนี้
"แต่ก่อนเวลาตอบใครว่าเป็นคนสวนทุเรียนเขาก็ขำกันว่าจะได้เงินเท่าไรเชียว แต่เดี๋ยวนี้มีแต่คนเข้ามาถามว่าจะปลูกบ้างต้องทำยังไง" ป้าต้อยพูดปนตลก แต่เธอก็ไม่เคยหวงวิชา ยินดีที่จะบอกหรือสอนการปลูกทุเรียนให้กับคนที่สนใจรวมไปถึงลูกของเธอ เพื่อที่จะเป็นกำลังสำคัญในการสืบทอดสวนทุเรียนนนท์แห่งนี้ต่อไป รวมไปถึงเปิดให้บุคคลภายนอกมาศึกษาดูงานภายในสวนได้ แต่ตอนนี้เธอทำสวนกับลุงหมู สามี เพียงแค่ 2 คน ช่วยกันใส่ปุ๋ย วิดน้ำ รดน้ำ ตกแต่งกิ่ง โดยไม่ได้จ้างพนักงานจากข้างนอกยกเว้นกรณีที่มีเหตุเร่งด่วน ช่วงน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 ก็ช่วยกันทำแนวคันดินเสริมป้องกันน้ำไม่ให้ทะลักเข้าสวน สำหรับช่วงนี้ที่ฝนตกหนักก็ต้องคอยวิดน้ำออกจากสวนเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้ระดับน้ำสูงเพราะต้นทุเรียนแช่น้ำนานไม่ได้ ตอนหลังต้องปรับเปลี่ยนวิธีการทำสวนใหม่ โค่นต้นทุเรียนลงสิบกว่าต้นเพื่อขุดสระกักน้ำคลายความเค็ม หลังจากเจอภัยแล้ง-น้ำเค็มรุก ทำให้ต้นที่เหลืออยู่รอด วางท่อประปาล่อยลงท้องร่องเพื่อให้สารคลอรีนระเหยแล้วจึงนำมารดต้นทุเรียน รวมไปถึงใช้เป็นที่กักเก็บน้ำไว้ใช้ยามฤดูแล้ง จนได้รับให้เป็นสวนทุเรียนในโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

"ทุเรียนนนท์" ของดีของเมืองนนท์ที่กำลังหายไปกับกาลเวลา

"ทุเรียนนนท์" ของดีของเมืองนนท์ที่กำลังหายไปกับกาลเวลา



สำหรับทุเรียนนนท์ที่แพงที่สุดคือพันธุ์ก้านยาว รองลงมาเป็นหมอนทอง และ ชะนี ราคาเริ่มต้นลูกขนาดกลางอยู่ที่ 12,000 บาท ลูกใหญ่ 15,000 - 20,000 บาท เพราะเอกลักษณ์ของทุเรียนนนท์นั้นไม่สามารถหาได้ในทุเรียนนอก จะมีลักษณะเปลือกบางไส้น้อย แกะง่าย เม็ดตายลีบ 80-90% (โดยเฉพาะหมอนทองและชะนี) เนื้อคงตัวได้นานหลายวันหลังจากสุก เนื้อสีเหลืองเข้ม แห้งเหนียวแน่นไม่เละติดมือแม้จะสุกจัด รสสัมผัสเหนียวเนียนละเอียดหวานกลมกล่อม กลิ่นหอมอบอวลแทบไม่มีกลิ่นกำมะถัน ที่สำคัญทานแล้วไม่เรอ ไม่แน่นท้อง และไม่ร้อนใน โดยป้าต้อยชี้แจงว่าทุเรียนนนท์นั้นไม่มีการจำหน่ายตามท้องตลาดหรือในห้างสรรพสินค้า แต่จะเป็นการติดต่อสั่งจองที่สวนโดยตรง โดยเปิดให้จองตั้งแต่เดือนเมษายนและให้สิทธิ์สำหรับลูกค้าประจำก่อน มีการแบ่งช่วงเวลาในการตัด ซึ่งก็ขายหมดเกลี้ยงทุกครั้ง
ป้าต้อยบอกว่าผลผลิตในปี 2560 นี้ถือว่าดีกว่าปีที่ผ่านมา เพราะอากาศค่อนข้างเย็น ต้นทุเรียนติดดอกเยอะ เพราะปีก่อนๆอากาศไม่เย็นดอกร่วง บางปีก็ออกน้อย บางปีก็ออกมา สลับกันไป ผลผลิตแต่ละปีก็ไม่เท่ากัน ถึงแม้จะมี 10 ลูกต่อต้น แต่ก็ไม่ได้ขายได้หลักหมื่นทุกลูก มีแค่ 3-5 ผลเท่านั้น โดยพันธุ์ก้านยาวและหมอนทองจะห่อถุงพลาสติกกันแมลงและความชื้น แต่สำหรับพันธุ์ชะนี หรือพันธุ์อื่นๆที่ราคาไม่แพงเท่าไรก็ไม่ต้องห่อ ในช่วงที่ไม่ใช่หน้าทุเรียนก็จะได้เงินจากผลผลิตอื่นๆ ภายในสวน เช่น มังคุด, มะปราง, มะม่วง, ส้มโอ, ขนุน, กล้วย ป้าต้อยทำสวนแบบผสมผสานยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง ตามพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

"ทุเรียนนนท์" ของดีของเมืองนนท์ที่กำลังหายไปกับกาลเวลา

"ทุเรียนนนท์" ของดีของเมืองนนท์ที่กำลังหายไปกับกาลเวลา


"ป้ารู้ว่าในหลวงทรงโปรดทุเรียนก้านยาวมาก เป็นเกียรติสูงสุดในชีวิตชาวสวนบ้านๆอย่างป้าที่ได้มีโอกาสถวายทุเรียนนนท์ให้พระองค์" ป้าต้อยกล่าวด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุข ซึ่งป้าต้อยได้มีโอกาสทูลเกล้า ฯ ถวายในหลวงที่โรงพยาบาลศิริราชกับพระราชวังไกลกังวล หลังจากนั้นพระองค์ได้ทรงพระราชทานเมล็ดกลับมาที่สวน 6 เมล็ด ซึ่งป้าต้อยก็ได้นำไปปลูกไว้ที่ด้านหน้าของสวน ผ่านมา 3 ปีต้นค่อยๆ เจริญเติบโตและป้าต้อยก็ตั้งใจว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต้นทุเรียนนี้จะต้องคงอยู่คู่สวนของป้า จะไม่มีการทำลายหรือเคลื่อนย้ายไปไหนทั้งสิ้น รวมไปถึงเก็บจดหมายที่ทรงขอบใจไว้ในแฟ้มอย่างดี

"ทุเรียนนนท์" ของดีของเมืองนนท์ที่กำลังหายไปกับกาลเวลา

"ทุเรียนนนท์" ของดีของเมืองนนท์ที่กำลังหายไปกับกาลเวลา

"ทุเรียนนนท์" ของดีของเมืองนนท์ที่กำลังหายไปกับกาลเวลา


การบริโภคทุเรียนในปัจจุบันนั้นได้เปลี่ยนไปจากแต่ก่อน จากที่นิยมเพราะความชื่นชอบกลายเป็นการสื่อถึงสถานะทางการเงิน กระแสการบริโภคทุเรียนถูกจุดขึ้นในสังคมออนไลน์ จนกลายเป็นจุดที่พ่อค้าแม่ค้าบางคนนำทุเรียนนอกมาปลอมมาขายในราคาเทียบเท่ากับทุเรียนนนท์ กลายเป็น "ทุเรียน(ที่ขายในเมือง)นนท์" ในราคาที่เทียบเท่า วิธีที่ดีที่สุดคือการซื้อตรงจากสวนหรือชมรมอนุรักษ์ทุเรียนนนท์ หรือ ชมรมคนรักทุเรียนแห่งประเทศไทย หรือคนพื้นที่ที่เชื่อถือได้ เพราะเอาเข้าจริงแล้วราคาทุเรียนนนท์ที่หลายคนบ่นว่าแพงนั้น จริงๆแล้วไม่ได้แพงอย่างที่คิด เมื่อเทียบระหว่างคุณภาพที่คุณจะได้รับ กับเวลาและความเพียรพยายามจนเลือดตาแทบกระเด็นของชาวสวนที่กว่าจะปลูกได้แต่ละปี การช่วยกันส่งเสริมชาวสวนจะช่วยต่อลมหายใจและจิตวิญญาณของชาวสวนในการอนุรักษ์ทุเรียนนนท์ให้คงอยู่คู่เมืองนนท์ ไม่ให้สูญหายไปกับกาลเวลา ตามคำขวัญประจำจังหวัดว่า
"พระตำหนักสง่างาม ลืมนามสวนสมเด็จ เกาะเกร็ดแหล่งดินเผา วัดเก่านามระบือ เลื่องลือทุเรียนนนท์"

"ทุเรียนนนท์" ของดีของเมืองนนท์ที่กำลังหายไปกับกาลเวลา

"ทุเรียนนนท์" ของดีของเมืองนนท์ที่กำลังหายไปกับกาลเวลา

"ทุเรียนนนท์" ของดีของเมืองนนท์ที่กำลังหายไปกับกาลเวลา

"ทุเรียนนนท์" ของดีของเมืองนนท์ที่กำลังหายไปกับกาลเวลา