ข้อมูลงานวิจัยย้อนไปกว่าสิบปีที่ผ่านมา (ปี 2551) ระบุนักวิจัยพบว่าการเดินวันละ 1 ชั่วโมง ช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งลงกว่าครึ่ง เมื่อเทียบกับคนที่อยู่เฉยๆ ไม่ชอบยืดเส้นยืดสาย การค้นพบครั้งนั้นช่วยยืนยันการศึกษาในอดีตที่ชี้ว่า แม้การออกกำลังกายเบาๆ ก็สามารถปกป้องสุภาพสตรีจากโรคร้ายได้ ปัจจัยเสี่ยงของ “โรคมะเร็งเต้านม” มีตั้งแต่ภาวะน้ำหนักเกิน การมีสมาชิกครอบครัวเคยเป็นโรคนี้มาก่อน การสูบบุหรี่ และการย่างเข้าสู่วัยทอง
โดยการศึกษาของมหาวิทยาลัยเมืองนาโกยา ญี่ปุ่น ได้ติดตามผลผู้หญิง 30,000 คน นาน 12 ปี เพื่อติดตามพฤติกรรมการใช้ชีวิต และปัจจัยเสี่ยงมะเร็งกลุ่มตัวอย่างทั้งหมดจะถูกสอบถามว่า แต่ละวันได้เดินไม่ถึง 30 นาที 30-59 นาที หรือ 1 ชั่วโมงขึ้นไป ผลการศึกษาพบว่าคนที่เดินวันละอย่างน้อย 1 ชั่วโมง มีแนวโน้มเป็นมะเร็งเต้านมลดลงถึง 55%
ประโยชน์ของการเดินได้รับการศึกษาต่อมา จนในปี 2563 มีผลการวิจัยที่พบว่าการเดินวันละ 25 นาที ช่วยให้ภาวะสมองเสื่อมดีขึ้นได้ ซึ่งเป็นเพราะการออกกำลังกายแบบแอโรบิก ที่ต้องใช้ออกซิเจนในขณะออกกำลังกาย ช่วยให้ระบบหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงหลอดเลือดสมองดีขึ้น
ที่สำคัญยังพบด้วยว่าการเดินวันละ 25 นาที ยังสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเสียชีวิตของ “ผู้ป่วยมะเร็งเต้านม” และ “ผู้ป่วยมะเร็งลำไส้” ได้อีกด้วย โดยครั้งนั้นเป็นที่ทราบกันจากการนำเสนอผลการศึกษา 2 ชิ้น ในการประชุมด้านวิทยามะเร็ง ซึ่งจัดโดย American Society of Clinical Oncology ที่ชิคาโก ประเทศสหรัฐ
ชิ้นแรกเป็นผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีควีนส์แลนด์ ของออสเตรเลีย ที่ทดลองกับกลุ่มผู้ป่วยหญิงจำนวน 337 คน ที่ตรวจพบว่าเป็นมะเร็งเต้านม และเข้ารับการผ่าตัดเอาเนื้องอกออกเรียบร้อยแล้ว โดยให้กลุ่มแรกออกกำลังกายสัปดาห์ละ 180 นาที เป็นเวลานาน 8 เดือน ส่วนกลุ่มที่สองให้รับการรักษาตามปกติ
แซนดร้า เฮย์ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีควีนส์แลนด์ ระบุว่าการเดินเป็นการออกกำลังกายที่ง่ายที่สุดสำหรับผู้ป่วย ซึ่งหลังจากใช้เวลาติดตามผลเป็นเวลา 8 ปี พบว่าการออกกำลังกายช่วยลดความเสี่ยงจากการเสียชีวิตในผู้ป่วยได้มากถึงครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว
ขณะที่ผลการศึกษาอีกชิ้น โดย เอริน ฟาน บลาริแกน ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ได้ทดลองกับผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ จำนวน 992 คน และติดตามผลเป็นเวลา 7 ปี ก็ได้ผลที่ใกล้เคียงกัน เมื่อพบว่าผู้ที่ออกกำลังกายเฉลี่ย 22 นาทีต่อวัน ลดความเสี่ยงจากการเสียชีวิตได้มากถึง 42 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับผู้ป่วยที่รับการรักษาตามปกติแต่ไม่ได้ออกกำลังกาย ซึ่งนักวิจัยระบุว่าการเดินเร็วคือการออกกำลังกายที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน
ผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแมรี่แลนด์ ที่ถูกตีพิมพ์ลงในวารสาร Journal of Alzheimer's Diseasr ระบุว่า การเดินเป็นระยะเวลา 30 นาที 4 ครั้งต่อสัปดาห์ จะช่วยพัฒนาการทำงานของระบบประสาทภายในร่างกาย รวมถึงการทำงานของสมอง
ทีมนักวิจัยได้ทำการทดสอบกับผู้เข้ารับการทดลองจำนวน 32 คน ที่มีอายุในช่วงวัย 60-88 ปี ในจำนวนนี้ครึ่งหนึ่งถูกวินิจฉัยว่ามีอาการสมองเสื่อม ส่วนอีกครึ่งหนึ่งนั้นมีสุขภาพแข็งแรงเป็นปกติ ทุกคนได้รับคำสั่งให้ออกกำลังกายด้วยการเดินเป็นระยะเวลา 30 นาที 4 ครั้งต่อสัปดาห์ นานติดต่อกัน 3 เดือน
หลังการทดลองทีมนักวิจัยได้ทำการสแกนสมองของพวกเขาอีกครั้ง เพื่อเปรียบเทียบกับผลการสแกนก่อนหน้า การทดสอบครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าทั้งผู้ป่วยสมองเสื่อม และผู้มีสุขภาพแข็งแรงดีมีความสามารถในการจดจำที่ดีขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีสัญญาณความเจ็บป่วยทางสมองนั้น มีระบบประสาทที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ข้อมูลโดย นพ.ธนาวุฒิ เลิศเอกธรรม ศูนย์โรคกล้ามเนื้อ กระดูก โรงพญาบาลพญาไท 3 ระบุการเดินที่ถูกสุขลักษณะอย่างสม่ำเสมอสามารถเพิ่มความหนาแน่นของกระดูกในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนได้ เพราะช่วยลดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุน ชะลอการสูญเสียมวลกระดูก เนื่องจากการเดินเป็นการออกกำลังกายแบบต้านแรงโน้มถ่วงโลก ทำให้กระดูกถูกกระตุ้นให้ผลิตเซลล์ออกมามากขึ้น ลองสังเกตคนที่นอนหรือนั่งทั้งวันจะพบว่ามวลกระดูกจะลดลง กล้ามเนื้อลีบเหลวไม่กระชับ การเดินออกกำลังเพียงวันละ 30 นาที จะช่วยให้กระดูกแข็งแรงขึ้นและลดความเสี่ยงรวมทั้งผลกระทบอันเกิดจากโรคกระดูกพรุนได้ด้วย แถมยังสร้างความแข็งแรงของ กล้ามเนื้อ เอ็นที่ต้นขา เข่า น่อง ข้อเท้า ช่วยกระชับหน้าท้องและสะโพก
ผลวิจัยด้านสุขภาพสตรีมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด พบการเดินต่อเนื่อง 3-5 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
ผลการศึกษาของ University of Colorado พบว่าการเดินวันละเพียง 10-15 นาที ทำให้อาการโรคเบาหวานดีขึ้น และยังเป็นการช่วยให้อินซูลินทำงานดีขึ้นร่างกายสามารถนำน้ำตาลไปใช้งานได้ดีขึ้น หมายถึงสามารถควบคุมเบาหวานได้ดีขึ้นนั่นเอง
การเดินเร็วติดต่อกันนาน 21 นาทีต่อวัน 4-5 วันต่อสัปดาห์ หรือ 2.5 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ จะสามาถลดความเสี่ยงต่อภาวะโรคหลอดเลือดสมองและหัวใจได้ถึง 31%
มหาวิทยาลัย Appalachai State University ศึกษาพบว่าการเดินต่อเนื่อง 30-45 นาทีต่อวัน
ในผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก อาจใช้การเดินช่วยลดน้ำหนักตัวได้ โดยเดินวันละประมาณ 1 ชั่วโมง จะทำให้การเผาผลาญพลังงานในร่างกายเพิ่มขึ้น
สำหรับใครที่กำลังสงสัยว่า ต้องเดินกี่ก้าวต่อวัน ลองค้นหาคำตอบเรื่องนี้จาก งานวิจัยใหม่เผยแค่เดินวันละ 3,967 ก้าว ลดอัตราเสี่ยงตายก่อนวัยได้หลายโรค