svasdssvasds
เนชั่นทีวี

Lifestyle

สรุปเรื่องน่ารู้ของโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (ALS) อันตรายที่ไม่ควรมองข้าม

รวมเรื่องน่ารู้ของโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (ALS) โรคที่คร่าชีวิต “เคนเน็ธ มิตเชลล์” เช็กอาการเบื้องต้น สาเหตุของโรค ภาวะแทรกซ้อน ปิดท้ายด้วยข่าวร้ายและคนดังที่จากไปเพราะโรคนี้

หนึ่งในโรคอันตรายที่ยังไม่มีวิธีการรักษา คือโรค Amyotrophic lateral sclerosis (ALS) หรือโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ซึ่งล่าสุดต้องขอแสดงความเสียใจกับการจากไปของคนดังอย่าง “เคนเน็ธ มิตเชลล์” นักแสดงจากเรื่องสตาร์เทร็ก และกัปตันมาร์เวล ที่จากไปในวัยเพียง 49 ปี หลังต้องต่อสู้กับโรค ALS มาเป็นเวลานาน โดยเขาได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ตั้งแต่ปี 2018

โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (ALS) ไม่ใช่โรคที่เกี่ยวกับ “กล้ามเนื้อ”

สำหรับโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือ Amyotrophic Lateral Sclerosis เป็นโรคที่เกิดจากการเสื่อมสลายของเซลล์ประสาทที่ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นโรคทางระบบประสาทที่ส่งผลต่อการทำงานของเซลล์ประสาทนำคำสั่งในสมองและไขสันหลัง โดยจะค่อยๆ เกิดขึ้นอย่างช้าๆ จนเราไม่รู้ตัว ทำให้เกิดอาการกล้ามเนื้อแขนและขาอ่อนแรงลง กลืนลำบาก พูดไม่ชัด และรุนแรงขึ้นจนอาจทำให้เสียชีวิต

โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (ALS) พบได้เพียง 4 ใน 100,000 คน

จากสถิติทั่วโลกพบว่ามีผู้ป่วยโรคนี้ไม่มากนัก โดยในประชากร 100,000 คน จะพบคนป่วยโรคนี้เพียง 4-6 คนเท่านั้น โดยพบในผู้ที่สูงอายุ มากกว่าในคนอายุน้อย อายุเฉลี่ยของผู้ป่วยอยู่ระหว่าง 40-60 ปี และพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง ส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะเสียชีวิตหลังเกิดอาการเพียง 3–4 ปี มีเพียงแค่ 10% เท่านั้นที่สามารถมีชีวิตอยู่ได้นานสูงสุดถึง 10 ปี

แขนขาอ่อนแรง กลืนลำบาก พูดไม่ชัด ส่อแววโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (ALS)

โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (ALS) สังเกตเบื้องต้นคือ ร่างกายจะมีอาการอ่อนแรงของแขนหรือขาข้างใดข้างหนึ่งค่อยๆ เป็นมากขึ้นเรื่อยๆ ที่คิดว่าไม่ปกติแล้ว และต้องไปหาสาเหตุว่าเป็นโรคอื่นหรือไม่ หรือเป็นโรค ALS เพราะอาการของโรคในช่วงแรกจะไม่ค่อยจำเพาะเจาะจง โดยส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงบริเวณมือ แขน ขา หรือเท้าข้างใดข้างหนึ่งก่อน และจะค่อยๆ ลามไปยังแขนขาที่อยู่ใกล้เคียงกันหรืออยู่คนละข้าง ก่อนลามไป ทั้ง 2 ข้าง ในผู้ป่วยบางคนอาจจะมีอาการกลืนลำบาก พูดไม่ชัด ทำให้เกิดการสำลัก ติดเชื้อกลายเป็นปอดอักเสบ ถ้าเกิดกลืนไม่ได้ กล้ามเนื้อก็จะฟ่อลง ทำให้เกิดทุพโภชนาการ หรือภาวะซึ่งเกิดขึ้นจากการรับประทานอาหารไม่สมดุลกัน โดยอาจมีสารอาหารบางอย่างได้รับไม่เพียงพอ เกิน หรือผิดสัดส่วน ผู้ป่วยจะมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนอย่างอื่น เช่น ติดเชื้อในปอด หายใจไม่ได้ กลืนลำบาก สำลัก จนทำให้เสียชีวิตได้

โรค Amyotrophic lateral sclerosis (ALS) หรือโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง

อายุเฉลี่ยของผู่ป่วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (ALS) อยู่ระหว่าง 60-65 ปี

ข้อมูลในประเทศสหราชอาณาจักร พบอายุเฉลี่ยที่เกิดขึ้นของโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (ALS) อยู่ระหว่าง 60-65 ปี ดังนั้น โอกาสที่จะพบโรคนี้ในคนอายุมากจึงมีมากกว่าในคนอายุน้อย โดยทั่วไปแล้วมักพบโรคนี้ได้บ่อยประมาณ 1.5 เท่าของเพศหญิง และประมาณร้อยละ 90 ของผู้ป่วย ALS จะไม่ได้เกิดจากสาเหตุที่แน่ชัดทางพันธุกรรม ดังนั้น ผู้ที่ไม่มีประวัติครอบครัวที่ชัดเจน จึงมีโอกาสเสี่ยงน้อยมากที่จะเกิดโรคในรุ่นลูกรุ่นหลาน นอกจากนี้ ยังไม่มีหลักฐานพิสูจน์ได้ชัดเจนว่านักกีฬามีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้ได้มากกว่าอาชีพอื่นๆ

สาเหตุของโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (ALS)

โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (ALS) เกิดจากเซลล์ประสาทเสื่อมสภาพ หรือถูกทำลายทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงลง ซึ่งเซลล์ประสาทในส่วนนี้จะทำหน้าที่ควบคุมการเคลื่อนไหว ปัจจุบันในทางการแพทย์ยังไม่ทราบสาเหตุของโรค โดยสมมติฐานเชื่อว่าโรคนี้เกิดจากหลายเหตุปัจจัยก่อให้เกิดโรคร่วมกัน ได้แก่ ปัจจัยทางพันธุกรรม ความไม่สมดุลของสารเคมีในร่างกาย ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม โดยมีประวัติสัมผัสกับโลหะ หรือสารเคมีบางชนิดที่อาจทำให้ประสาทนำคำสั่งเกิดการทำงานผิดปกติ

อาการของโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (ALS)

โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง กิดขึ้นกับกล้ามเนื้อได้ทุกส่วนของร่างกาย อาจส่งผลให้กล้ามเนื้อกระตุกเต้นกว่า 70% อาจเริ่มจากมือ เท้า หรือแขน แล้วอาการจะค่อยๆ ลุกลามไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น กล้ามเนื้อการกลืน กล้ามเนื้อระบบทางเดินหายใจ ส่งผลให้พูดไม่ได้หรือหายใจเองไม่ได้ ในผู้ป่วยที่อาการรุนแรงจำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และรับสารอาหารผ่านทางสายยาง

ภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายของโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (ALS)

ความร้ายกาจของโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง คือผู้ป่วยจะยังคงทำกิจกรรมหรือใช้ชีวิตต่างๆ ได้เป็นปกติในช่วงแรกๆ ของวัน แต่หลังจากนั้นจะค่อยๆ มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงเกิดขึ้นได้ ซึ่งหากผู้ป่วยได้หยุดพักหรือหยุดใช้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นไปชั่วขณะ ก็สามารถฟื้นฟูให้กล้ามเนื้อกลับมาใช้งานตามปกติได้อีกเช่นเดียวกัน แต่คงดีกว่าหากผู้ป่วยไม่ปล่อยให้อาการของกล้ามเนื้ออ่อนแรงเกิดขึ้นซ้ำๆ แบบเรื้อรัง เพราะความรุนแรงของโรคยังทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมาได้ เช่น

  • ภาวะหัวใจล้มเหลวจากความผิดปกติของกล้ามเนื้อที่ใช้หายใจ
  • ภาวะไทรอยด์เป็นพิษ จากการทำงานที่ผิดปกติของต่อมไทรอยด์ 
  • ความเสี่ยงต่อการสำลัก จากความผิดปกติของกล้ามเนื้อลำคอ
  • ความเสี่ยงต่อโรคแพ้ภูมิตัวเอง หรือโรคพุ่มพวง (SLE)

ทั้งนี้ สาเหตุการเสียชีวิตของโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (ALS) ส่วนมากมาจากภาวะแทรกซ้อน โดยเฉลี่ยผู้ป่วยจะเสียชีวิตหลังจากมีอาการของโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (ALS) ในระยะเวลาประมาณ 2.5 ปี ซึ่งสาเหตุของการเสียชีวิตมักเกิดจากภาวะปอดอักเสบ ติดเชื้อ แผลกดทับ หายใจไม่ได้ ระบบหายใจล้มเหลว และการติดเชื้อในปอดอันเนื่องมาจากการสำลัก

ข่าวร้าย!! โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (ALS) ยังไม่มีวิธีการรักษาให้หายขาด

ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษาโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (ALS) ให้หายขาด โดยแพทย์มักจะรักษาตามอาการ และบรรเทาอาการเพื่อประคับประคองให้ผู้ป่วยอยู่ได้นานที่สุด โดยจะเป็นการรักษาตามอาการและเน้นการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของอาการ ตำแหน่งที่เกิดอาการ ซึ่งแพทย์จะเลือกวิธีที่เหมาะสมกับอาการของผู้ป่วยแต่ละคน

อย่างไรก็ตาม เราสามารถป้องกันตัวเองเพื่อให้ห่างไกลจากโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง  (ALS)  ได้ด้วยการดูแลสุขภาพตัวเองให้แข็งแรง ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ควบคุมความเครียด เลี่ยงการสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารเคมีหรือรังสีที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เช่น โลหะหนัก ยาฆ่าแมลง

คนดังที่จากไปเพราะโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (ALS)

  • สตีเฟน ฮอว์คิง นักฟิสิกส์ทฤษฎีและนักจักรวาลวิทยา ผู้คิดค้นทฤษฎีเกี่ยวกับภาวะเอกฐานเชิงความโน้มถ่วงในกรอบของทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป และการทำนายเชิงทฤษฎีที่ว่าหลุมดำมีการปล่อยรังสีออกมา ซึ่งตามทฤษฎีที่เขาค้นพบค้าได้ทำนายว่าโลกจะสูญสิ้นในอีก 1,000 ปีข้างหน้า และเจ้าของหนังสือขายดี A Brief History of Time หรือประวัติย่อของกาลเวลา สตีเฟน เกิดในปี 1942 และถูกวินิจฉัยว่าเป็น โรคเซลล์ประสาทสั่งการเสื่อม (Motor Neuron Disease) โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือ ALS ในวัย 22 ปี และต่อสู้กับโรคนี้มานานถึง 50 ปี ก่อนจะเสียชีวิตลงตอนอายุ 76 ปี เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2018
  • แม่ทุม-ปทุมวดี เค้ามูลคดี นักแสดงหญองชาวไทย คู่ชีวิต พ่อรอง เค้ามูลคดี ที่เสียชีวิตลงด้วยวัย 72 ปี หลังสู้อาการป่วย ALS และไทรอยด์เป็นพิษ นานกว่า  8 ปี จากเดิมที่มีรูปร่างค่อนข้างอ้วน จนในปี พ.ศ. 2555 แม่ทุมเริ่มผ่ายผอมจากอาการป่วยด้วยโรคไทรอยด์เป็นพิษ ทำให้น้ำหนักตัวที่เคยมี 60 กิโลกรัม ลดลงเหลือ 36 กิโลกรัม มีภาวะด้านสมองและความจำ และเป็นโรค ALS จนรักษาตัวในห้องไอซียูด้วยอาการวิกฤตมาโดยตลอดก่อนเสียชีวิตลงในที่สุด
  • คีแกนเมืองไทย-ร.ต.ศักดริน ทองมี อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทยชุดประวัติศาสตร์ปรีโอลิมปิก อดีตแข้งช้างศึกชุดปรีโอลิมปิก เจ้าของฉายา "คีแกนเมืองไทย" เสียชีวิต หลังรักษาตัวมานาน 4 ปี ด้วยภาวะโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (ALS)