ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (Polycystic Ovary Syndrome) หรือเรียกย่อว่า PCOS เป็นภาวะที่ผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะไม่รู้ว่าตัวว่าเป็น พบได้ประมาณร้อยละ 10-20 ของสตรีวัยเจริญพันธุ์ อายุประมาณ 25-35 ปี และพบได้มากขึ้นในสตรีที่มีภาวะอ้วน ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS) แม้ว่าอาการอาจดูไม่รุนแรง แต่หากไม่รักษาจะส่งผลให้มีบุตรยาก เสี่ยงต่อการมีเยื่อบุโพรงมดลูกหนาผิดปกติ และเสี่ยงมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกได้ในอนาคต
การมีน้ำหนักเกินเกณฑ์เป็นจุดเริ่มต้นของโรคต่างๆ โดยเฉพาะผู้หญิงที่ตกอยู่ในภาวะอ้วน อาจส่งผลให้มีรอบเดือนผิดปกติ การสร้างฮอร์โมนเพศผิดปกติ เนื่องจากฮอร์โมนเอสโตรเจนผลิตจากไขมัน เมื่อไขมันมากเกินไป การสร้างฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ควบคุมการตกไข่ในเพศหญิงอาจเกิดความผิดปกติ ส่งผลให้ไม่มีการตกไข่ ประจำเดือนมาน้อย มาแบบกะปริบกะปรอย หรือประจำเดือนขาดหายไป และนำไปสู่ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ แม้ในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของการเกิด PCOS แต่เป็นความผิดปกติของระบบต่อมไร้ท่อหรือฮอร์โมนในร่างกาย โดยจะพบซีสต์หรือถุงน้ำหลายใบในรังไข่ เมื่อซีสต์หรือถุงน้ำเข้าไปเบียดรังไข่จึงส่งผลให้การทำงานของรังไข่ผิดปกติ อาจเกิดจากกรรมพันธุ์ หรือความผิดปกติของหลายระบบในร่างกาย อาทิ ต่อมใต้สมอง รังไข่ ต่อมหมวกไต ฯลฯ
เรื่องของการเป็นสิว อาจต้องดูถึงตำแหน่งที่สิวเกิดขึ้นว่าเป็นสิวที่เกิดจากฮอร์โมนหรือไม่ โดยวิธีสังเกตสิวที่มาจากฮอร์โมน คือจะขึ้นบริเวณทีโซนของใบหน้า หน้าอก-หลัง หรือหน้ามัน เพราะสิวส่วนใหญ่มักเกิดจากฮอร์โมนจำพวกแอนโดรเจน ซึ่งก็คือฮอร์โมนเพศชาย หากสิวที่เกิดขึ้นเป็นสิวที่เกิดจากฮอร์โมน ก็อาจแสดงถึงอาการนำของคนที่เป็นภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบได้
อาการผิดปกติที่ต้องสังเกตของภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS) ได้แก่
ความรุนแรงของภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS) หากไม่รีบรักษา
ใครบ้าง! เสี่ยงเป็นภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS)
การตรวจวินิจฉัยและการรักษา
เริ่มจากการซักประวัติ โรคประจำตัว การมีประจำเดือน การใช้ยาคุมกำเนิด และยาฮอร์โมน ต่อด้วยตรวจร่างกายทุกระบบ ได้แก่ วัดความดันโลหิต ส่วนสูง น้ำหนัก ตรวจภาวะแอนโดรเจนเกิน พร้อมคำนวณค่าดัชนีมวลกายเพื่อดูภาวะโรคอ้วน และตรวจภายในโดยการอัลตราซาวนด์อุ้งเชิงกราน
หากเข้าข่ายผิดปกติ แพทย์จะแนะนำให้ลดความอ้วน ควบคุมน้ำหนัก ควบคุมอาหาร เมื่อลดน้ำหนักได้ในเกณฑ์ปกติ การทำงานของฮอร์โมนในร่างกายจะกลับมาใกล้เคียงปกติ ประจำเดือนมาสม่ำเสมอ
รักษาด้วยการทานยา : วิธีนี้หากผู้ป่วยยังไม่มีการวางแผนที่จะมีบุตร สามารถรักษาได้โดยการทานยาคุมกำเนิดเพื่อให้ตัวยาไปควบคุมฮอร์โมน ให้ฮอร์โมนกลับสู่สภาวะปกติ โดยจะใช้เวลารักษาประมาณ 6 เดือน หลังจากนั้นจึงติดตามสังเกตอาการต่อว่าหลังจากหยุดทานยาไปแล้ว ประจำเดือนกลับมาปกติหรือไม่ หากประจำเดือนของผู้ป่วยยังผิดปกติอยู่ และผู้ป่วยยังไม่มีการวางแผนที่จะมีบุตรต่อไป การรักษาก็จะเป็นการทานยาคุมและติดตามผลต่อไป
การรักษาอื่นๆ : จะเป็นการรักษาตามสาเหตุ เช่น การควบคุมน้ำหนัก ออกกำลังกาย คุมอาหาร ถ้าคนไหนที่เป็นเบาหวานอาจต้องคุมอาหารจำพวกน้ำตาลให้มากขึ้น
วิธีป้องกันภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS)
เนื่องจากการเกิดภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ ยังไม่อาจทราบได้ว่ามาจากสาเหตุใดอย่างแน่ชัด ดังนั้นการป้องกันจึงเป็นการป้องกันโดยรวม เช่น
ทั้งนี้ การตรวจภายในก็เป็นส่วนสำคัญในการป้องกันตัวเองได้ดีที่สุด รวมถึงตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก อัลตร้าซาวด์มดลูก รังไข่ ช่องท้อง หรือตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม เนื่องจากเปรียบเสมือนการตรวจเช็กร่างกาย หากพบรอยโรคหรือภาวะที่อาจก่อให้เกิดโรคทางนรีเวชได้ก่อนที่มันจะร้ายแรง ก็สามารถรับมือและวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสมที่สุด