svasdssvasds
เนชั่นทีวี

Lifestyle

เช็ก 5 สัญญาณอาการ “แพ้ยาสระผม” เมื่อแชมพูปลอมเกลื่อนตลาด!!

“แสบ-คัน-รังแค-ผมร่วง-สิวเห่อ” 5 อาการแพ้ยาสระผมที่พบบ่อย เปิดรายการส่วนผสมในยาสระผมที่ควรหลีกเลี่ยง และวิธีการรับมือเมื่อเกิดอาการแพ้!!

KEY

POINTS

  • ปคบ. ทลายแหล่งผลิตแชมพูปลอมยี่ห้อดังรวม 159 สูตร ส่งขายตลาดนัดทั่วกรุงเทพฯ ปริมณฑล
  • เผย 5 อาการแพ้ยาสระผมที่พบบ่อย ทั้งแสบ-คัน-รังแค-ผมร่วง-สิวเห่อ ผลกระทบต่อสุขภาพผู้ใช้แชมพูปลอม
  • เปิดส่วนผสมในยาสระผมที่ควรหลีกเลี่ยง และวิธีการรับมือเมื่อเกิดอาการแพ้!!

ผู้บริโภคผวา ล่าสุดตำรวจ ปคบ. พร้อมด้วยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ร่วมกันแถลงข่าวทลายแหล่งผลิตแชมพูสระผม ครีมนวดผม ครีมอาบน้ำปลอมยี่ห้อดัง ตระเวนขายตามตลาดนัด พร้อมตรวจยึดของกลางมูลค่ากว่า 100,000 บาท เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้อย่างไร Nation STORY มีคำตอบ

อย. ร่วมกับตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ทลายแหล่งผลิตแชมพูกวนมือปลอม

ยาสระผม หรือ แชมพูสระผม เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทุกคนใช้ในชีวิตประจำวันสำหรับทำความสะอาดเส้นผมและหนังศรีษะ ซึ่งโดยปกติเรามักเลือกผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์การใช้และแก้ปัญหาทั้งปกป้องเส้นผม ป้องกันผมร่วง ผมแห้งเสีย ชี้ฟู ทว่าหากเลือกผิดหลงใช้แชมพูสระผมที่ผลิตไม่ได้มาตรฐานหรือเป็นของปลอม ผลลัพธ์ที่ตามมาอาจเป็นปัญาสุขภาพที่เราไม่อยากเจอกับตัวเอง

“แพ้ยาสระผม” มีอาการอย่างไร

แม้ว่ายาสระผมจะไม่ได้สัมผัสกับหนังศีรษะและผิวหนังเป็นเวลานาน เนื่องจากท้ายที่สุดจะถูกน้ำชะล้างออกไป แต่ก็ยังมีโอกาสก่อให้เกิดอาการแพ้ได้เช่นกัน โดยจุดที่มักพบอาการแพ้ส่วนใหญ่จะเป็นบริเวณที่สัมผัสกับยาสระผม เช่น หนังศีรษะ ใบหน้า หู หลังคอ มือ และลำตัวส่วนบน ซึ่งอาการที่พบบ่อยที่สุดจะปรากฏขึ้นระหว่าง 24-48 ชั่วโมง ได้แก่ ผิวหนังแดง เกิดสะเก็ด มีอาการแสบร้อนและคันอย่างรุนแรง มีอาการบวม และเป็นลมพิษ เป็นต้น 

5 สัญญาณเตือนว่าเรากำลังแพ้ยาสระผม

1 แสบหนังศีรษะและมีรอยแดง หากใครที่ใช้ยาสระผมแล้วรู้สึกแสบๆคันๆตรงหนังศีรษะตั้งแต่ครั้งแรกๆ ที่ใช้ ทั้งๆ ที่เราไม่ได้มีแผลบนหนังศีรษะ อาการแบบนี้เป็นอาการของคนแพ้แชมพู เพราะในแชมพูนั้นอาจมีสารเคมีบางชนิดที่ทำให้หนังศีรษะระคายเคืองจนอักเสบ และกลายเป็นรอยแดงตรงผิวบริเวณโดยรอบ บางคนอาจมีอาการแสบด้วย

2 มีผดผื่นขึ้นและมีอาการคัน นอกจากบริเวณหนังศีรษะแล้ว การมีผดผื่นหรือคันบริเวณอื่นๆตรงจุดที่โดนแชมพู เกิดจากแชมพูบางชนิดมีสาร SLS (สารลดแรงตึงผิว)และ พาราเบน (สารกันเสียในเครื่องสำอาง) ที่ไปทำลายความชุ่มชื้นและทำให้ระคายเคืองในจุดที่สัมผัสกับแชมพูโดยตรง

3 สิวอุดตัน สิวผด แชมพูที่เราใช้นั้นอาจจะเป็นสาเหตุทำให้เกิดสิวโดยตรง ซึ่งมักจะเกิดในบริเวณหน้าผาก ไรผม และขากรรไกร โดยเฉพาะสิวผดหรือสิวอุดตัน เพราะในแชมพูมีสารซิลิโคนผสมอยู่เพื่อเคลือบเส้นผมให้นุ่มลื่นแต่ในขณะเดียวกัน ซิลิโคนก็เป็นสาเหตุหลักของการเกิดสิวอุดตัน ซึ่งเกิดขึ้นได้จากสารซิลิโคนในแชมพูสะสมกันและตกค้างตามรูขุมขน จนเกิดเป็นอาการแพ้แชมพูและเป็นสิวขึ้นมานั่นเอง

4 ผมหลุดร่วง แชมพูเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ผมร่วงเลย นั่นเกิดจากสารซิลิโคนในแชมพูตกค้างบริเวณโคนผม ซึ่งจะอุดตันและทำให้ผมร่วง นอกจากนั้น ผมร่วงยังสามารถเกิดจากสาเหตุอื่นๆได้อีกด้วย เช่น แพ้อาหาร นอนดึก หรือพฤติกรรมที่ส่งผลเสียต่อเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นการสระผมตอนกลางคืน สระแล้วไม่เป่าผมให้แห้งหรือรวบผมตึงบ่อยๆ หากใครใช้แชมพูตัวไหนแล้วรู้สึกผมร่วงมากขึ้นหรือจากไม่เคยร่วงเลย แนะนำให้หยุดใช้ไปก่อน

5 รังแค อีกหนึ่งสัญญาณที่เห็นได้ชัดเจนคือสะเก็ดขาวๆ เป็นขุยและคัน นั่นคือ "รังแค" ที่เกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น หนังศีรษะแห้งและอักเสบรวมถึงเชื้อรา ดังนั้น จึงต้องคอยสังเกตหากเปลี่ยนชนิดแชมพูว่ามีรังแคเกิดขึ้นหรือไม่ หากมีควรเลิกใช้ทันที

สาเหตุของการ “แพ้ยาสระผม”

เนื่องจากยาสระผมส่วนใหญ่มักมีส่วนผสมจากสารเคมีต่างๆ ซึ่งโดยปกติแล้วจะไม่เป็นอันตราย แต่หากระบบภูมิคุ้มกันของบางคนมีปฏิกิริยาต่อสารเคมีเหล่านี้มากเกินไปก็นำไปสู่อาการแพ้ได้ในที่สุด ในปัจจุบันมียาสระผมมากมายที่มีสารเคมีที่อาจเป็นสารก่อภูมิแพ้ ไม่ว่าจะเป็นน้ำหอม สารที่เติมเพื่อทำให้ข้น สารกันบูด และสารลดแรงตึงผิวซึ่งสร้างโฟมหรือฟอง เป็นต้น 

ส่วนผสมในยาสระผมที่ควร “หลีกเลี่ยง”

1. ซัลเฟต หรือ โซเดียมลอริลซัลเฟต (SLS) และโซเดียมลอริลซัลเฟต (SLES) ทำหน้าที่เป็นสารทำความสะอาดและทำให้เกิดฟอง ซึ่งนอกจากมันจะเป็นตัวการดึงน้ำมันตามธรรมชาติออกจากเส้นผมแล้วก็ยังมีส่วนทำให้เกิดอาการแพ้ได้ เช่น อาการระคายเคืองต่อผิวหนัง ความแห้งกร้าน และอักเสบ

2. ฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde) ทำหน้าที่เป็นสารกันบูดในยาสระผม สามารถนำไปสู่การแพ้สัมผัสหรือผิวหนังอักเสบ

3. พาราเบน (Parabens) สารกันเสียที่ถูกนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์ความงามเพื่อยืดอายุการเก็บรักษา มีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา แต่พวกมันยังดูดซึมอย่างรวดเร็วผ่านผิวหนัง ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาผิวต่างๆ เช่น การระคายเคือง รอยแดง ลอกเป็นขุย และลมพิษ

4. เฮกซะคลอโรฟีน (Hexachlorophene) สารฆ่าเชื้อที่มีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรีย แต่ก็สามารถทำให้ดวงตาและผิวหนังระคายเคืองได้

5. พาทาเลต (Pthalate) สารเคมีช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับพลาสติกหลายชนิด โดยในยาสระผมจะทำหน้าที่เป็นสารยึดเกาะ และดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย ซึ่งเป็นหนึ่งในสารอันตรายในเครื่องสำอางที่ควรหลีกเลี่ยง

วิธีการรับมือเมื่อแพ้ยาสระผม

  • เมื่อสระผมแล้วมีอาการคัน หรือมีอาการแสบร้อน ให้รีบล้างแชมพูออกจากศีรษะและเส้นผมด้วยน้ำสะอาดทันที
  • หลีกเลี่ยงการใช้ความร้อนกับเส้นผมเพื่อหล่อเลี้ยงความชุ่มชื้นให้กับเส้นผมและหนังศีรษะ 
  • ระหว่างที่สระผมควรนวดศีรษะเพื่อเป็นการกระตุ้นการไหลเวียนเลือดบริเวณรอบหนังศีรษะ 
  • หลีกเลี่ยงแชมพูที่ทำให้เกิดอาการแพ้และควรเลือกใช้แชมพูที่มีค่า pH เหมาะสม 
  • ปรับอาหารที่ทาน เพื่อช่วยในการฟื้นฟูหนังศีรษะจากอาการแพ้ โดยเฉพาะอาหารจำพวกโปรตีนโอเมก้า 3 ควรหลีกเลี่ยงชากาแฟ และแอลกอฮอล์
  • หากมีอาการแพ้ที่รุนแรง ควรหยุดใช้แชมพูและรีบไปพบแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำการรักษา