
KEY
POINTS
ผู้บริโภคผวา ล่าสุดตำรวจ ปคบ. พร้อมด้วยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ร่วมกันแถลงข่าวทลายแหล่งผลิตแชมพูสระผม ครีมนวดผม ครีมอาบน้ำปลอมยี่ห้อดัง ตระเวนขายตามตลาดนัด พร้อมตรวจยึดของกลางมูลค่ากว่า 100,000 บาท เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้อย่างไร Nation STORY มีคำตอบ
ยาสระผม หรือ แชมพูสระผม เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทุกคนใช้ในชีวิตประจำวันสำหรับทำความสะอาดเส้นผมและหนังศรีษะ ซึ่งโดยปกติเรามักเลือกผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์การใช้และแก้ปัญหาทั้งปกป้องเส้นผม ป้องกันผมร่วง ผมแห้งเสีย ชี้ฟู ทว่าหากเลือกผิดหลงใช้แชมพูสระผมที่ผลิตไม่ได้มาตรฐานหรือเป็นของปลอม ผลลัพธ์ที่ตามมาอาจเป็นปัญาสุขภาพที่เราไม่อยากเจอกับตัวเอง
แม้ว่ายาสระผมจะไม่ได้สัมผัสกับหนังศีรษะและผิวหนังเป็นเวลานาน เนื่องจากท้ายที่สุดจะถูกน้ำชะล้างออกไป แต่ก็ยังมีโอกาสก่อให้เกิดอาการแพ้ได้เช่นกัน โดยจุดที่มักพบอาการแพ้ส่วนใหญ่จะเป็นบริเวณที่สัมผัสกับยาสระผม เช่น หนังศีรษะ ใบหน้า หู หลังคอ มือ และลำตัวส่วนบน ซึ่งอาการที่พบบ่อยที่สุดจะปรากฏขึ้นระหว่าง 24-48 ชั่วโมง ได้แก่ ผิวหนังแดง เกิดสะเก็ด มีอาการแสบร้อนและคันอย่างรุนแรง มีอาการบวม และเป็นลมพิษ เป็นต้น
1 แสบหนังศีรษะและมีรอยแดง หากใครที่ใช้ยาสระผมแล้วรู้สึกแสบๆคันๆตรงหนังศีรษะตั้งแต่ครั้งแรกๆ ที่ใช้ ทั้งๆ ที่เราไม่ได้มีแผลบนหนังศีรษะ อาการแบบนี้เป็นอาการของคนแพ้แชมพู เพราะในแชมพูนั้นอาจมีสารเคมีบางชนิดที่ทำให้หนังศีรษะระคายเคืองจนอักเสบ และกลายเป็นรอยแดงตรงผิวบริเวณโดยรอบ บางคนอาจมีอาการแสบด้วย
2 มีผดผื่นขึ้นและมีอาการคัน นอกจากบริเวณหนังศีรษะแล้ว การมีผดผื่นหรือคันบริเวณอื่นๆตรงจุดที่โดนแชมพู เกิดจากแชมพูบางชนิดมีสาร SLS (สารลดแรงตึงผิว)และ พาราเบน (สารกันเสียในเครื่องสำอาง) ที่ไปทำลายความชุ่มชื้นและทำให้ระคายเคืองในจุดที่สัมผัสกับแชมพูโดยตรง
3 สิวอุดตัน สิวผด แชมพูที่เราใช้นั้นอาจจะเป็นสาเหตุทำให้เกิดสิวโดยตรง ซึ่งมักจะเกิดในบริเวณหน้าผาก ไรผม และขากรรไกร โดยเฉพาะสิวผดหรือสิวอุดตัน เพราะในแชมพูมีสารซิลิโคนผสมอยู่เพื่อเคลือบเส้นผมให้นุ่มลื่นแต่ในขณะเดียวกัน ซิลิโคนก็เป็นสาเหตุหลักของการเกิดสิวอุดตัน ซึ่งเกิดขึ้นได้จากสารซิลิโคนในแชมพูสะสมกันและตกค้างตามรูขุมขน จนเกิดเป็นอาการแพ้แชมพูและเป็นสิวขึ้นมานั่นเอง
4 ผมหลุดร่วง แชมพูเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ผมร่วงเลย นั่นเกิดจากสารซิลิโคนในแชมพูตกค้างบริเวณโคนผม ซึ่งจะอุดตันและทำให้ผมร่วง นอกจากนั้น ผมร่วงยังสามารถเกิดจากสาเหตุอื่นๆได้อีกด้วย เช่น แพ้อาหาร นอนดึก หรือพฤติกรรมที่ส่งผลเสียต่อเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นการสระผมตอนกลางคืน สระแล้วไม่เป่าผมให้แห้งหรือรวบผมตึงบ่อยๆ หากใครใช้แชมพูตัวไหนแล้วรู้สึกผมร่วงมากขึ้นหรือจากไม่เคยร่วงเลย แนะนำให้หยุดใช้ไปก่อน
5 รังแค อีกหนึ่งสัญญาณที่เห็นได้ชัดเจนคือสะเก็ดขาวๆ เป็นขุยและคัน นั่นคือ "รังแค" ที่เกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น หนังศีรษะแห้งและอักเสบรวมถึงเชื้อรา ดังนั้น จึงต้องคอยสังเกตหากเปลี่ยนชนิดแชมพูว่ามีรังแคเกิดขึ้นหรือไม่ หากมีควรเลิกใช้ทันที
เนื่องจากยาสระผมส่วนใหญ่มักมีส่วนผสมจากสารเคมีต่างๆ ซึ่งโดยปกติแล้วจะไม่เป็นอันตราย แต่หากระบบภูมิคุ้มกันของบางคนมีปฏิกิริยาต่อสารเคมีเหล่านี้มากเกินไปก็นำไปสู่อาการแพ้ได้ในที่สุด ในปัจจุบันมียาสระผมมากมายที่มีสารเคมีที่อาจเป็นสารก่อภูมิแพ้ ไม่ว่าจะเป็นน้ำหอม สารที่เติมเพื่อทำให้ข้น สารกันบูด และสารลดแรงตึงผิวซึ่งสร้างโฟมหรือฟอง เป็นต้น
ส่วนผสมในยาสระผมที่ควร “หลีกเลี่ยง”
1. ซัลเฟต หรือ โซเดียมลอริลซัลเฟต (SLS) และโซเดียมลอริลซัลเฟต (SLES) ทำหน้าที่เป็นสารทำความสะอาดและทำให้เกิดฟอง ซึ่งนอกจากมันจะเป็นตัวการดึงน้ำมันตามธรรมชาติออกจากเส้นผมแล้วก็ยังมีส่วนทำให้เกิดอาการแพ้ได้ เช่น อาการระคายเคืองต่อผิวหนัง ความแห้งกร้าน และอักเสบ
2. ฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde) ทำหน้าที่เป็นสารกันบูดในยาสระผม สามารถนำไปสู่การแพ้สัมผัสหรือผิวหนังอักเสบ
3. พาราเบน (Parabens) สารกันเสียที่ถูกนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์ความงามเพื่อยืดอายุการเก็บรักษา มีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา แต่พวกมันยังดูดซึมอย่างรวดเร็วผ่านผิวหนัง ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาผิวต่างๆ เช่น การระคายเคือง รอยแดง ลอกเป็นขุย และลมพิษ
4. เฮกซะคลอโรฟีน (Hexachlorophene) สารฆ่าเชื้อที่มีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรีย แต่ก็สามารถทำให้ดวงตาและผิวหนังระคายเคืองได้
5. พาทาเลต (Pthalate) สารเคมีช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับพลาสติกหลายชนิด โดยในยาสระผมจะทำหน้าที่เป็นสารยึดเกาะ และดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย ซึ่งเป็นหนึ่งในสารอันตรายในเครื่องสำอางที่ควรหลีกเลี่ยง
วิธีการรับมือเมื่อแพ้ยาสระผม