นอกจากการรับประทานอาหารที่ถูกหลักโภชนาการ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เป็นเวลาแล้วอีกหนึ่งวิธีที่จะเติมความสดชื่นให้แก่ร่างกาย นั่นคือการ การดริปวิตามิน ซึ่งปัจจุบันเป็นที่นิยมอย่างมาก และเป็นหนึ่งในทางเลือกเร่งด่วนที่จะสามารถช่วยให้ผิวกลับมาดูขาวใส อ่อนเยาว์ได้ภายในเวลาสั้นๆ แต่ว่าการดริปวิตามิน คืออะไร? วิตามินผิวช่วยให้ผิวกระจ่างใสจริงไหม? เป็นลัดเพื่อสุขภาพจริงหรือ? และประโยชน์ของการฉีดวิตามินผิว ช่วยอะไรบ้าง? ดริปวิตามินกี่ครั้งถึงเห็นผล? ถ้าหากหยุดดริปวิตามินผิวจะกลับมาคล้ำไหม? ผลข้างเคียงและใครฉีดได้บ้าง?
คำถามข้างต้นที่กล่าวไปเป็นคำถามที่คนไข้มักจะถามอยู่บ่อยครั้งซึ่งทาง แพทย์หญิงวริศนันท์ ตังติวิวัฒน์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านความงามประจำ PINK PEARL CLINIC กล่าวว่า….แม้ว่าบางคนจะดูแลสุขภาพดีแล้ว แต่ก็มีบางครั้งที่ตื่นเช้ามาแล้วรู้สึกอ่อนเพลียไม่สดชื่น เหมือนไม่มีพลังเป็น เพราะร่างกายต้องการสารอาหารสำคัญมากกว่านั้น หรือสิ่งที่ทำอยู่อาจไม่ตรงกับสิ่งที่สุขภาพต้องการก็เป็นได้ การเติมวิตามินก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ช่วยให้คืนความสดใสให้กับผิว แบบเร่งรัด
การดริปวิตามินนอกจากช่วยเรื่องความสวยงามเท่านั้นแล้วยังสามารถสร้างภูมิคุ้มกันป้องกันโรคไข้หวัดได้อีกด้วย ซึ่งโดยทั่วไปแล้วสารที่นำมาฉีดผิวจะเป็นจำพวกสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามิน C, E, A, Collagen รวมถึงวิตามินอีกหลายชนิดที่เราสามารถหาได้จากอาหารในหมู่ผักและผลไม้ โดยวิตามินที่ให้จะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละสูตร ขึ้นอยู่กับผลที่ต้องการของแต่ละบุคคล การฉีดวิตามินผิวมีประโยชน์มากมาย รวมถึงการบำรุงผิวพรรณให้ดูกระจ่างใส ลดการเกิดริ้วรอย และการฉีดวิตามินยังสามารถช่วยลดรอยแผลเป็น รอยแตกลาย ฟื้นฟูผิวที่มีปัญหาบางอย่างและจุดด่างแห่งวัยได้อีกด้วย
ดริปวิตามินกี่ครั้งถึงเห็นผล
ส่วนใหญ่จะเริ่มเห็นผลชัดเจนตั้งแต่ครั้งที่ 3-5 ขึ้นไป โดยผลลัพธ์ขึ้นอยู่แต่ละบุคคล แนะนำให้ทำเป็นประจำอย่างต่อเนื่องเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน
ถ้าหากหยุดดริปวิตามิน ผิวจะกลับมาคล้ำไหม?
ทุกอย่างขึ้นอยู่กับวิธีการดูแลผิวหลังเลิกดริปวิตามิน หากดูแลผิวด้วยการใช้ครีมบำรุง ครีมกันแดด และบำรุงผิวด้วยวิตามินหรืออาหารเสริมเป็นประจำผิวจะไม่กลับมาคล้ำเสีย แต่ถ้าหากไม่มีการดูแลผิวหลังการเลิกดริปก็มีส่วนทำให้ผิวกลับมาหมองคล้ำได้
ผลข้างเคียงที่พบ?
โดยปกติผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไปหลังจากฉีดวิตามินผิวจะมีเพียงอาการผิวช้ำหรือเป็นจุดแดงบริเวณที่ถูกเข็มฉีดยาเท่านั้น แต่หากเกิดอาการผิดปกติคล้ายกับอาการแพ้สารวิตามิน เช่น คลื่นไส้อาเจียน วิงเวียนศีรษะ เป็นผื่นแดง รู้สึกคันระคายเคืองผิวหนัง หายใจไม่สะดวก ให้รีบกลับมาพบแพทย์โดยทันที
ใครที่ไม่สามารถดริปวิตามินได้
และการฉีดวิตามินผิวยังต้องผ่านการปรึกษากับแพทย์ล่วงหน้าก่อนทุกครั้ง ถึงแม้จะเป็นการทำหัตถการที่ง่ายและเป็นที่แพร่หลาย แต่หากไม่ผ่านการตรวจสุขภาพและพูดคุยกับแพทย์ก่อน ผลข้างเคียงที่อันตรายถึงชีวิตก็อาจเกิดขึ้นได้ แพทย์หญิงวริศนันท์ ตังติวิวัฒน์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านความงามประจำ PINK PEARL CLINIC กล่าวทิ้งท้าย
ทั้งนี้ คุณ ชัชชญา ภุมรินทร์ CEO PINK PEARL CLINIC ได้ฝากถึงผู้ที่สนใจในการฉีดวิตามินผิวไว้ว่า จริงๆแล้วการรดริปวิตามินเป็นการทำหัตถการที่มีความปลอดภัยหากรับบริการกับสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน แต่ผลลัพธ์จะเห็นได้ชัดมากเพียงใด ก็ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของร่างกายที่มีต่อสารวิตามินที่ฉีดเข้าไป แนะนำให้ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม รวมถึงเข้ารับการปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและสถานพยาบาลที่ได้