svasdssvasds
เนชั่นทีวี

Lifestyle

รู้จักโรควูบ ภัยร้ายที่เกิดได้กับทุกวัย คนอายุยังน้อยยังเสี่ยงภัยเงียบนี้

เปิดสาเหตุ "อาการวูบ" หรือ "โรควูบ" ที่ผู้ป่วยมักจะเป็นลมหมดสติแบบฉับพลันทันที แม้ไม่เคยมีโรคประจำตัว สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย ไม่เว้นแม้แต่หนุ่มสาวที่อายุยังน้อย มาทำความรู้จักและรู้ทันภัยเงียบที่เรียกกันว่า อาการวูบ ก่อนจะสายเกินแก้ไข

จากกรณีพระเอกและพิธีกรคนดัง "เอส กันตพงศ์ บำรุงรักษ์" เกิด "อาการวูบ" หมดสติกะทันหัน ในงานอีเว้นท์หนึ่งท่ามกลางอากาศร้อนในวันที่ 9 พ.ค. 66 ที่ผ่านมา โดยผู้จัดการส่วนตัวยืนยันว่าพระเอกวัย 36 ปี กำลังอยู่ระหว่างการรักษาตัว แต่แพทย์ยังไม่สามารถระบุสาเหตุการป่วยได้ ขอดูอาการวันต่อวัน ทั้งนี้ ที่ผ่านมาพระเอกหนุ่มเป็นคนที่สุขภาพแข็งแรงดี แต่กลับมีอาการวูบเกิดขึ้น

นี่เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ย้ำเตือนให้หนุ่มสาว "วัยทำงาน" ต้องหมั่นคอยดูแล รักษาสุขภาพของตนเองให้ดีเสมอ เนื่องจาก "โรควูบ" สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แม้จะเป็นผู้ที่ไม่เคยมีโรคประจำตัวใดๆ ก็ตาม วันนี้ทีมข่าวเนชั่นออนไลน์ ชวนคนรักสุขภาพมาร่วมทำความรู้จักและเปิดสาเหตุ โรควูบ "อาการวูบ" พฤติกรรมเสี่ยง พร้อมแนะนำวิธีป้องกันให้ห่างไกลจากภาวะโรควูบ ภัยร้าย ภัยเงียบดังกล่าว
รู้จักโรควูบ ภัยร้ายที่เกิดได้กับทุกวัย คนอายุยังน้อยยังเสี่ยงภัยเงียบนี้

"โรควูบ" และอาการวูบหมดสติ คืออะไร?
ภาวะที่เราไม่สามารถควบคุมร่างกายของตัวเองได้และทำให้เกิดอาการหมดสติ

สาเหตุของโรควูบ
เกิดจากสมอง เช่น เส้นเลือดอุดตันในสมอง หรือมีอาการลมชัก
เกิดจากหัวใจ
มีอาการเส้นเลือดอุดตันกระทันหัน ทำให้เป็นลมหมดสติ
มีอาการหัวใจอ่อนแรง
หัวใจเต้นผิดปกติ

อาการวูบเกิดจากระบบประสาทไวกว่าปกติ เมื่อร่างกายอ่อนเพลีย และทานอาหารไม่เพียงพอ หรือร่างกายถูกกระตุ้นจากสิ่งต่าง ๆ เช่นความร้อน จะทำให้หัวใจเต้นเร็วเกินไป ส่งผลให้สมองพยายามควบคุมมากเกินไป จึงทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ ทำให้เกิดอาการหน้ามืด เวียนศรีษะ และหมดสติในท้ายที่สุด

 

ในปัจจุบันนี้ มักมีรายงานข่าวหนุ่มสาวคนไทย "วัยทำงาน" เกิดอาการวูบ หมดสติ ให้ได้ตามข่าวกันอยู่บ่อยๆ สำหรับบางเคสก็รักษาหายแต่บางเคสก็มีอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต อีกทั้งมี บุคลากรทางการแพทย์ หลายคนออกมาเตือนว่า “โรควูบ” ถือเป็นภัยร้ายสำหรับนักกีฬาและคนออกกำลังกายเป็นประจำอาจมองข้ามไป

โรควูบ หรือ อาการหน้ามืด คือ ภาวะหมดสติหรือเกือบหมดสติ ที่อาจเกิดขึ้นชั่วคราวหรือเป็นเวลานานก็ได้ ในทางการแพทย์จะเรียกว่า อาการลมวูบหมดสติ (Syncope) ผู้ป่วยจะรู้สึกหน้ามืด จะเป็นลม ตาลาย มองไม่เห็นภาพชัดเจน มักมีสาเหตุเกิดจากเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ บางรายมีสาเหตุมาจากอาการชัก หรือระบบหูชั้นในมีปัญหา ทำให้เสียการทรงตัวหรือวิงเวียน

ส่วนภาวะหมดสติ (Unconsciousness) คือ ภาวะที่ร่างกายไม่รู้สึกตัวอย่างต่อเนื่อง ไม่รับรู้ต่อสภาพแวดล้อม ไม่มีการตอบสนองต่อการกระตุ้นใดๆ

สาเหตุของหน้ามืด วูบ หมดสติ มีหลายสาเหตุตั้งแต่เบาสุด เช่น เป็นลมธรรมดาสภาพจิตใจที่ไม่เป็นปกติ เช่น เครียดมาก กลัว หรือตกใจมากๆ มักเกิดขึ้นเมื่อประสบกับเหตุการณ์ไม่คาดคิด อยู่ในสถานที่หรือสภาวะแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง เช่น อยู่ในสถานที่แออัดคับคั่ง หรือที่ที่ร้อนอบอ้าว ผู้ป่วยบางรายอาจเป็นลมได้จากการยืนนานๆ

หยิบยกบทความดีๆ หนึ่งในแพทย์ดังที่ออกมาพูดถึงประเด็น “อาการวูบ” ก็คือ นพ.อกนิษฐ์ ศรีสุขวัฒนา อายุรแพทย์โรคหัวใจ ผู้ชำนาญการด้าน Sports Cardiology การออกกำลังกายสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงโรคหัวใจ โรงพยาบาลสมิติเวช อธิบายผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวใจความระบุว่า

สำหรับนักกีฬาและ บุคคลทั่วไปที่แม้จะมีสุขภาพดี แต่เกิด "อาการวูบ" แบบกะทันหันหรือในขณะที่ออกกำลังกาย ให้ถือว่าเป็นความผิดปกติที่อาจทำให้เสียชีวิตได้

"โรควูบ" ส่วนใหญ่จะมาจากการออกกำลังกายที่หนักเกินไป หรือนานเกินไป ขณะที่อีกส่วนหนึ่งมีสาเหตุมาจากการ "มีโรคซ่อน" โดยเฉพาะ "โรคหัวใจ" และ "โรคสมอง" ซึ่งอันตรายมาก สิ่งที่สำคัญคือต้องคัดกรองก่อนการออกกำลังกายอย่างจริงจังว่า เรามีโรคซ่อนที่ไม่รู้ตัวหรือไม่ และควรตรวจคัดกรองโดยเร่งด่วน โดยเฉพาะถ้ามีอาการเตือนดังต่อไปนี้ ได้แก่ เจ็บหน้าอก ใจสั่น หน้ามืดเป็นลม เป็นต้น

"โรควูบ" ส่วนใหญ่จะมาจากการออกกำลังกายที่หนักเกินไป หรือนานเกินไป ขณะที่อีกส่วนหนึ่งมีสาเหตุมาจากการ "มีโรคซ่อน" โดยเฉพาะ "โรคหัวใจ" และ "โรคสมอง" ซึ่งอันตรายมาก สิ่งที่สำคัญคือต้องคัดกรองก่อนการออกกำลังกายอย่างจริงจังว่า เรามีโรคซ่อนที่ไม่รู้ตัวหรือไม่ และควรตรวจคัดกรองโดยเร่งด่วน โดยเฉพาะถ้ามีอาการเตือนดังต่อไปนี้ ได้แก่ เจ็บหน้าอก ใจสั่น หน้ามืดเป็นลม เป็นต้น

รู้จักโรควูบ ภัยร้ายที่เกิดได้กับทุกวัย คนอายุยังน้อยยังเสี่ยงภัยเงียบนี้

คนอายุน้อยและนักกีฬาที่ร่างกายแข็งแรง ทำไมถึงเสี่ยง?
“โรควูบ” บางคนอาจเข้าใจว่าเกิดขึ้นได้เฉพาะกับวัยผู้ใหญ่หรือผู้สูงอายุ แต่จริงๆ แล้วสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกวัย บางครั้งเกิดกับคนหนุ่มสาวที่อายุยังน้อยก็มี โดยสาเหตุที่ทำให้คนหนุ่มสาวเสี่ยงต่อโรควูบ ได้แก่ 

1. หัวใจผิดปกติแต่กำเนิด เช่น กล้ามเนื้อหัวใจหนาตัวเกินไป หัวใจโต

2. เส้นเลือดหัวใจผิดปกติแต่กำเนิด

3. กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ

อาการแบบไหนบ่งชี้โรควูบและควรจะต้องไปตรวจสุขภาพอย่างละเอียด

1. หากเครียดหรือเคยมีอาการหมดสติมาก่อน หรือเจ็บหน้าอก หรือเคยหน้ามืดเวลาออกกำลังกายมาก่อน

2. สมาชิกในครอบครัวมีประวัติหมดสติแบบหาไม่มีสาเหตุ หรือเสียชีวิตเฉียบพลัน แนะนำให้ไปตรวจกับแพทย์อย่างละเอียด

 

มีรายงานที่น่าสนใจ จากการศึกษาข้อมูลการเสียชีวิตของนักกีฬาอายุต่ำกว่า 35 ปี ในประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่า สาเหตุหลักของการวูบ หมดสติ และนำมาสู่การเสียชีวิต ส่วนใหญ่เป็นอาการจากภาวะหัวใจ ซึ่งมีหลายสาเหตุ เช่น กล้ามเนื้อหัวใจหนา (Hypertrophic Cardiomyopathy : HCM), กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด และหลอดเลือดหัวใจอุดตันฉับพลัน และแสดงอาการด้วยหัวใจห้องล่างเต้นผิดจังหวะรุนแรง, คลื่นไฟฟ้าหัวใจผิดปกติ (Arrthymias), โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด (Congenital Heart Disease), โรคกล้ามเนื้อหัวใจถูกไขมันแทรกแทนที่ (Arrhythmogenic right ventricular dysplasia : ARVD), หัวใจหยุดทำงานฉับพลันจากการถูกกระแทกที่หน้าอก (Commotio Cordis) แรงกระแทกจะกระตุ้นให้เกิดการนำไฟฟ้าหัวใจห้องล่างผิดปกติที่เร็วมากภายในเวลาไม่กี่วินาที กระตุ้นให้เกิดหัวใจห้องล่างสั่นพลิ้ว (Ventricular Fibrillation)

นอกจากนี้ ยังมีกรณีที่นักกีฬาเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวจากการใช้แอลกอฮอล์หรือสารเสพติดบางชนิดในปริมาณมากก่อนการแข่งขัน รวมถึงกรณีที่ยังไม่สามารถวินิจฉัยสาเหตุได้อีกด้วย

อาการวูบจากสาเหตุของหัวใจ ผู้ป่วยมักมีอาการหน้ามืดใจสั่น มวนท้อง เหงื่อแตก ตัวเย็น คลื่นไส้อาเจียน ที่สำคัญคือผู้ป่วยกลุ่มนี้มักมีอาการวูบในช่วงเวลาสั้นๆ และเมื่อตื่นขึ้นมาก็ยังจำเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ได้ และกลับมาเป็นปกติได้อีกครั้ง แต่หากผู้ป่วยปล่อยทิ้งไว้ ไม่เข้ารับการตรวจหาสาเหตุที่แน่ชัด และรักษาอย่างถูกวิธีแล้ว อาจส่งผลให้ผู้ป่วยกลายเป็นอัมพาต หรือเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

อีกสาเหตุคือ อาการวูบจากภาวะทางสมอง ผู้ป่วยมักมีอาการวูบร่วมกับอาการทางระบบประสาทอื่นๆ เช่น อาการเกร็งชัก เหม่อ สับสน เมื่อตื่นจากอาการวูบ ผู้ป่วยไม่สามารถจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ได้ หรืออาจมีอาการอื่นร่วมด้วยเมื่อฟื้นขึ้นมา เช่น ปากเบี้ยว ลิ้นแข็ง พูดไม่ชัด ชาหรืออ่อนแรงร่างกายครึ่งซีก เป็นต้น

รู้จักโรควูบ ภัยร้ายที่เกิดได้กับทุกวัย คนอายุยังน้อยยังเสี่ยงภัยเงียบนี้

เปิดวิธีการป้องกันอาการวูบ 

รวมไปถึงการปฐมพยาบาลผู้ป่วยที่พบว่าเกิดอาการวูบหมดสติกะทันหัน มีข้อมูลระบุว่า หากเข้าไปทำ CPR ให้แก่ผู้ที่วูบหมดสติได้อย่างรวดเร็ว โอกาสรอดชีวิตจะเยอะ ไม่เฉพาะในสนามแข่งกีฬาและสวนสาธารณะเท่านั้น​ แต่รวมถึงตึกต่างๆ เริ่มมีกฎหมายกำหนดให้มีเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติ (AED) ตามจุดต่างๆ แล้ว

การสังเกตผู้ป่วยที่มีอาการวูบหมดสติกะทันหันนั้น จุดสำคัญคือ ต่อให้ยังแขนขาผู้ป่วยยังเกร็งอยู่ ก็ให้คิดว่าหัวใจผู้ป่วยหยุดเต้นไว้ก่อน ห้ามรอ หรือเสียเวลาใดๆ ให้รีบ CPR นอกจากจะพิสูจน์​ได้ว่าผู้ป่วยหัวใจไม่ได้หยุดเต้น

สำหรับ "คนทั่วไป" มีคำแนะนำคือ ควรให้ความสำคัญและสังเกต “อาการวูบ” ของตนเองและคนรอบข้างให้มากขึ้น ถ้ามีห้ามปล่อยผ่าน ตรวจให้พบ ตรวจให้เจอ เพราะอันตรายมาก ในขณะที่ถ้าเป็น "นักกีฬา" มีคำแนะนำคือ ควรตรวจเช็กร่างกายและคัดกรองโรคทางกีฬาปีละครั้ง เพื่อลดอันตรายจากการเล่นกีฬา ยิ่งออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาหนักๆ ก็ยิ่งต้องเช็กสภาพร่างกาย


การรักษาโรควูบ

  • ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม กรณีที่ขาดน้ำ ควรทานน้ำให้เยอะ เพื่อให้ร่างกายไม่ขาดน้ำ
  • ทานอาหารให้เป็นเวลา
  • หากมีอาการหน้ามืด เป็นลม อย่าฝืนยืนหรือเดินต่อไป อาจทำให้หมดสติล้มลงและเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ หากเกิดอาการควรนั่งลงและนอนราบ จะทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองได้ดีขึ้น

สุดท้ายแล้ว การออกกำลังกาย ก็ยังถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีในการดูแลสุขภาพขั้นพื้นฐาน ซึ่งสามารถทำที่ไหนก็ได้ไม่ว่าจะที่บ้านหรือสวนสาธารณะ แต่ก็มีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องตรวจเช็กสุขภาพของตัวเองอย่างสม่ำเสมอ อย่าเพิ่งมั่นใจว่าในเมื่อออกกำลังกายเป็นประจำแล้วจะไม่เกิดอุบัติเหตุทางสุขภาพขึ้น

ขอขอบคุณที่มา : กรุงเทพธุรกิจโรควูบ