svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สุขภาพ

ดูแลสุขภาพเส้นผมอย่างไร เมื่อต้องอยู่ท่ามกลางมลภาวะและฝุ่น PM2.5

08 มีนาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ไม่ใช่แค่ระบบทางเดินหายใจที่กระทบ PM2.5 ยังเป็นอันตรายต่อเส้นผมและหนังศีรษะ พญ.ธาริณี ก่อวิริยกมล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมและหนังศีรษะ เผยวิธีดูแลสุขภาพผมเมื่อต้องเผชิญกับมลภาวะและฝุ่น PM2.5

ไลฟ์สไตล์ชีวิตของคนเมืองในปัจจุบันต้องเผชิญกับปัญหามลภาวะทางอากาศและฝุ่นละอองที่เกินค่ามาตรฐาน นอกจากจะส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายและก่อให้เกิดการแพ้ระคายเคืองต่อผิวหน้าแล้ว ยังส่งผลกระทบโดยตรงกับเส้นผมและหนังศีรษะ หากละเลยหรือปล่อยไว้นานยิ่งจะทวีความรุนแรงและส่งผลเสียในระยาวได้ ด้วยเหตุนี้ ‘ธัญ’ (THANN) แบรนด์ผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลสุขภาพผิวและเส้นผม จึงร่วมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมและหนังศีรษะ แพทย์หญิงธาริณี ก่อวิริยกมล เผยวิธีดูแลสุขภาพเส้นผมเมื่อต้องเผชิญกับมลภาวะและฝุ่น PM2.5

ดูแลสุขภาพเส้นผมอย่างไร เมื่อต้องอยู่ท่ามกลางมลภาวะและฝุ่น PM2.5

เป็นที่ทราบกันดีว่าปัญหามลภาวะจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM2.5 มีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี ไม่เพียงส่งผลกระทบโดยตรงกับผิวหนังของเราแล้ว ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพของเส้นผมและหนังศีรษะอีกด้วย เนื่องจากฝุ่น PM2.5 มีขนาดเล็กกว่าเส้นผมคนเราถึง 40 เท่า (เส้นผมมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 100 ไมครอน) สามารถนำพาสารที่เป็นอันตรายต่างๆ ติดตามมาด้วย อาทิ แคดเมียม ปรอท โลหะหนัก ไฮโดรคาร์บอน เป็นต้น และสามารถเกาะตัวกับเส้นผมได้มากกว่าผิวหนังถึง 3 เท่า โดยเฉพาะผู้ที่มีผมหนาหรือยาวมักเกิดปัญหาผมเกิดความอ่อนแอ แห้งกรอบ หลุดร่วงง่าย รวมถึงการอุดตันรูขุมขนบนหนังศีรษะ ทำให้เกิดการอักเสบ ระคายเคือง หนังศีรษะลอกเป็นขุยและเกิดสิว

แต่หากปล่อยไว้นานฝุ่นละอองเหล่านี้สามารถแทรกซึมเข้าเส้นผม และทำลายโครงสร้างโปรตีนที่สำคัญต่อการเจริญเติบโตของรากผม ทำให้ผมแห้งและหลุดร่วงมากยิ่งขึ้น โดยปกติแล้วเส้นผมของคนเราจะหลุดร่วงเฉลี่ยประมาณวันละ 70 - 100 เส้น หากหลุดร่วงมากกว่านั้นก็อาจเป็นสัญญาณว่าหนังศีรษะเราเริ่มมีปัญหา

ดูแลสุขภาพเส้นผมอย่างไร เมื่อต้องอยู่ท่ามกลางมลภาวะและฝุ่น PM2.5

เช็กสภาพผมเสียที่มีสาเหตุจากมลภาวะและฝุ่น PM2.5

สามารถแบ่งระดับความรุนแรงตามปริมาณความเข้มข้นและระยะเวลาที่เส้นผมเราสัมผัสกับมลภาวะและฝุ่น PM2.5 ดังนี้

ระดับ 1 สัมผัสในปริมาณเล็กน้อย และระยะเวลาไม่นาน มลภาวะและฝุ่น PM2.5 จะเกาะเคลือบภายนอกบริเวณเส้นผม ทำให้ผมเหนียว และแข็งกระด้าง

ระดับ 2 สัมผัสในปริมาณมาก และระยะเวลาไม่นาน มลภาวะและฝุ่น PM2.5 จะเข้าไปเกาะที่หนังศีรษะและซึมเข้าหนังศีรษะ ทำให้เริ่มมีอาการระคายเคือง คัน และหนังศีรษะแห้ง

ระดับ 3 สัมผัสปริมาณมาก และระยะเวลานานติดต่อกัน มลภาวะและฝุ่น PM2.5 จะกระตุ้นให้เกิดการอักเสบของหนังศีรษะ เกิดเป็นผื่นแดง หนังศีรษะลอกเป็นขุย และทำให้ผมหลุดร่วงตามมา

ดูแลสุขภาพเส้นผมอย่างไร เมื่อต้องอยู่ท่ามกลางมลภาวะและฝุ่น PM2.5

เทคนิคการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผมและหนังศีรษะ

การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเส้นผมหรือแชมพู ควรพิจารณาจากคุณสมบัติในการขจัดคราบไขมัน สิ่งสกปรกตกค้าง รวมถึงสารเคมีจากผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมออกไปได้มากที่สุดโดยไม่ทำให้เส้นผมหรือหนังศีรษะแห้งคัน ในปัจจุบันมีแชมพูสระผมหลากหลายประเภท อาทิ แชมพูสำหรับผมปกติ (Normal hair), ผมแห้ง (Dry hair), ผมมัน (Oily hair), ผมแห้งเสีย (Damaged hair), ผมเส้นเล็ก (Fine hair), ผมทำสี (Colour treated hair) และแชมพูยาสำหรับรักษารังแคหรือการอักเสบของหนังศีรษะ ซึ่งการเลือกใช้ควรพิจารณาว่าแชมพูชนิดไหนเหมาะกับสภาพเส้นผมและหนังศีรษะของเรา

อีกเคล็ดลับสำคัญคือ การทำแฮร์ทรีทเม้นท์ (Hair treatment) ก็มีส่วนช่วยฟื้นฟูสภาพเส้นผมที่แห้งเสียให้กลับมามีสุขภาพดี การใช้ครีมนวดผม (Hair conditioner), ครีมหมักผม (Hair mask) หรือเซรั่มบำรุงเส้นผม (Hair serum) ที่มีส่วนผสมของน้ำมันและสารสกัดจากธรรมชาติที่มีคุณสมบัติในการบำรุงและปกป้องสภาพเส้นผมและหนังศีรษะ อาทิ สารสกัดจากชิโซะ (Shiso extract) ที่มีความโดดเด่นในด้านการให้ความชุ่มชื้น ช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวจากความแห้งกร้านและการเสื่อมสภาพของผิว, น้ำมันรำข้าว (Rice Ban Oil) อุดมด้วยกรดไขมันที่เป็นประโยชน์,วิตามิน อี และสารแกมม่าออริซานอล (Gamma-Oryzanol) มอบความชุ่มชื้นพร้อมคุณสมบัติเป็นสารแอนตี้ออกซิแด้นท์ทรงประสิทธิภาพ เป็นต้น

เคล็ดลับป้องกันเส้นผมและหนังศีรษะ

เราสามารถปกป้องเส้นผมและหนังศีรษะได้ด้วยการสวมหมวก หรือผ้าคลุมผม เพื่อลดการสัมผัสกับมลภาวะและฝุ่น PM2.5 โดยตรง หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราควรให้ความสำคัญกับการทำความสะอาดเส้นผมและหนังศีรษะ โดยเฉพาะเมื่อเดินทางกลับเข้าที่พัก เพื่อเป็นการลดการสะสมและลดผลกระทบของมลภาวะและฝุ่น PM2.5 ที่มีต่อสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะ โดยปกติแล้วเราควรสระผมสัปดาห์ละ 3 ครั้งก็เพียงพอ แต่หากต้องเผชิญกับมลภาวะและฝุ่น PM2.5 ก็ควรสระผมทุกวัน

การมีผมสวยสุขภาพดีย่อมเป็นที่ดึงดูดและส่งผลดีต่อบุคลิกภาพ ทำให้เกิดความมั่นใจในตัวเอง ควรหลีกเลี่ยงการเป่าผมด้วยความร้อนจัด หลีกเลี่ยงการหนีบผม หรือไดร ยืดผมในขณะที่เส้นผมยังเปียกอยู่ เพราะจะทำให้เส้นผมขาดหักได้ง่ายส่วนการหวีผม ควรใช้แปรงที่มีตุ่มหรือหวีซี่ใหญ่ โดยไม่ทำให้เส้นผมขาดจากการเกี่ยวของหวีหรือแปลงได้ ควรใช้น้ำอุ่นในการสระผม โดยให้ปลายนิ้วนวดคลึงหนังศีรษะ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต และไม่ควรเกาหนังศีรษะอย่างรุนแรงขณะสระผม นอกจากนี้การรับประทานอาหารที่อุดมด้วยวิตามินเอ, วิตามินบี, สังกะสี (Zinc) และเหล็ก (Iron) อาทิ เนื้อปลา หอยนางรม ไข่ นมหรือผลิตภัณฑ์จากนม ถั่วและธัญพืชชนิดต่างๆ ผักใบสีเขียวเข้ม ส้ม และแครอท ฯลฯ ก็ช่วยบำรุงเส้นผมให้แข็งแรงและมีสุขภาพดีได้อีกด้วย

เพียงเท่านี้เราก็จะมีเส้นผมและหนังศีรษะสุขภาพดี เสริมความมั่นใจในทุกโอกาส แม้ต้องเผชิญกับมลภาวะและฝุ่น PM2.5 ก็พร้อมลุย

logoline