svasdssvasds
เนชั่นทีวี

Lifestyle

ง่วงนอน อ่อนเพลีย ผลเสียที่เกิดกับร่างกายเพราะโรคเบาหวานเป็นเหตุ!

เบาหวานเป็นเหตุสังเกตได้! เปิดสาเหตุที่ทำให้หลายคนมีอาการง่วงบ่อย ง่วงเก่ง ร่างกายอ่อนเพลีย หนึ่งในอาการที่พบได้ในผู้ป่วยเบาหวาน

เคยเป็นไหม ง่วงบ่อย ง่วงเก่ง รู้สึกว่าร่างกายอ่อนเพลีย ต้องการความหวานระหว่างวัน นั่นอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเรากำลังเป็น "โรคเบาหวาน" ซึ่งหนึ่งในอาการที่อาจพบได้ในผู้ป่วยเบาหวานบางรายคือความอ่อนล้าของร่างกาย โดยมีสาเหตุมาจากระดับน้ำตาลในเลือดสูงหรือต่ำเกินไป หรือเกิดจากภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวาน เช่น โรคไต โรคหัวใจและหลอดเลือด การติดเชื้อแทรกซ้อน รวมไปถึงความเครียด โรคนอนไม่หลับ และภาวะซึมเศร้า ที่อาจพบร่วมด้วยได้ในผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน ภาวะสุขภาพเหล่านี้สามารถส่งผลให้ผู้ป่วยรู้สึกไม่สดชื่น รู้สึกอ่อนเพลีย และง่วงนอนผิดปกติได้

ง่วงนอน อ่อนเพลีย ผลเสียที่เกิดกับร่างกายเพราะโรคเบาหวานเป็นเหตุ!

เช็กลิสต์อาการที่พบบ่อยในผู้เป็นเบาหวานมีเป็นอาการจากภาวะน้ำตาลในเลือดสูงโดยตรง และอาการเนื่องจากโรคแทรกซ้อน ได้แก่

ปัสสาวะบ่อย หิวน้ำบ่อย เมื่อระดับน้ำตาลสูงมากกว่า 180 มก./ดล.ร่างกายจะพยายามขับน้ำตาลออกนอกร่างกายโดยการปัสสาวะออกมา ซึ่งทำให้สูญเสียน้ำไปด้วย จึงปัสสาวะบ่อย คอแห้ง หิวน้ำ

หิวบ่อย น้ำหนักลด อ่อนเพลีย การที่อินซูลินไม่สามารถนำเอาน้ำตาลกลูโคสไปส่งให้อวัยวะต่างๆใช้เป็นพลังงานได้ ร่างกายจึงพยายามสลายพลังงานออกมาจากไขมันและกล้ามเนื้อออกมาใช้ ทำให้กล้ามเนื้อลีบ จึงมีอาการอ่อนเพลีย หิวบ่อย และน้ำหนักลด

แผลหายยาก มีการติดเชื้อตามผิวหนังง่าย เกิดฝีบ่อย ภาวะน้ำตาลสูง ทำให้ความสามารถของเม็ดเลือดขาวในการกำจัดเชื้อโรคลดลง จึงติดเชื้อง่าย

คันตามผิวหนัง มีการติดเชื้อราง่าย สาเหตุของการคันเกิดขึ้นได้หลายอย่าง เช่น ผิวหนังแห้งเกินไป หรือการอักเสบของผิวหนังซึ่งพบได้บ่อยในผู้เป็นเบาหวาน

ตาพร่ามัว มีสาเหตุหลายประการ เช่น อาจเป็นสายตาเปลี่ยน (สายตาสั้นลง) เมื่อน้ำตาลในเลือดสูงและน้ำตาลไปคั่งอยู่ในตาหรือตามัว อาจเกิดจากต้อกระจก หรือจอประสาทตาผิดปกติ จากโรคเบาหวาน

ชาปลายมือปลายเท้า หย่อนสมรรถภาพทางเพศ เนื่องจากน้ำตาลที่สูงนานๆ ทำให้เส้นประสาทเสื่อม การรับความรู้สึกลดลง จึงชาหรือไม่รู้สึกเจ็บปวด ทำให้เกิดแผลที่เท้าตามมา

ง่วงนอน อ่อนเพลีย ผลเสียที่เกิดกับร่างกายเพราะโรคเบาหวานเป็นเหตุ!

อาการง่วงนอนตลอดเวลาในผู้ป่วยเบาหวานเกิดจากอะไร?

ผู้ป่วยเบาหวานบางรายอาจมีอาการเซื่องซึม เหนื่อยล้า รู้สึกอ่อนล้า และอ่อนเพลียง่ายกว่าปกติ รวมไปถึงอาจรู้สึกง่วงนอน ไม่สดชื่น เกือบตลอดทั้งวัน โดยอาจมีสาเหตุมาจากความเครียด การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ การทำงานหนัก ทั้งยังอาจเกี่ยวข้องกับระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงหรือต่ำเกินไป ซึ่งอาจมาจากระดับน้ำตาลในเลือดไม่สมดุลกับการทำงานของอินซูลินในร่างกาย ดังนั้น หากสังเกตว่าตนเองเหนื่อยล้าระหว่างวันหรือง่วงนอนตลอดเวลา แม้ว่าจะนอนหลับอย่างเพียงพอตลอด สิ่งนี้อาจเป็นอาการของระดับน้ำตาลที่สูงหรือต่ำไปเกินไปได้ 

นอกจากนี้ อาการอ่อนล้า ไม่สดชื่น หรือง่วงนอน ยังอาจเกิดขึ้นจากสาเหตุอื่นๆ ดังนี้

ภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน เช่น ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงและต่ำ โรคไต โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคติดเชื้อ

ปัญหาสภาพจิตใจและอารมณ์ เช่น โรคเครียด ภาวะซึมเศร้า โรคนอนไม่หลับ ที่อาจพบร่วมด้วยได้ในผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน หรืออาจเกิดจากผู้ป่วยมีรูปแบบการนอนที่ผิดปกติไป ทำให้หลับไม่สนิท จนรู้สึกอ่อนล้า

ปัญหาน้ำหนักเกินและโรคอ้วน อาจทำให้เกิดโรคนอนกรนและเกิดปัญหาการนอนหลับตามมา รวมทั้งผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วนยังอาจรู้สึกเหนื่อยล้าและอ่อนเพลียได้ง่ายในการทำกิจวัตรประจำวันต่าง ๆ เมื่อเทียบกับคนรูปร่างปกติ

อาการของภาวะน้ำตาลในเลือดสูงจากโรคเบาหวานที่ควบคุมไม่ดี เช่น ปัสสาวะบ่อย กระหายน้ำมาก น้ำหนักลดกะทันหัน อาจนำไปสู่อาการเหนื่อยล้าได้

ปัจจัยภายนอกอื่นๆ เช่น การเจ็บป่วยเฉียบพลัน ความเครียด โรคโลหิตจาง ความไม่สมดุลของฮอร์โมน ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ โรคนอนกรน

ง่วงนอน อ่อนเพลีย ผลเสียที่เกิดกับร่างกายเพราะโรคเบาหวานเป็นเหตุ!

วิธีรับมือกับอาการง่วงนอนตลอดเวลาจากเบาหวาน อาจทำได้ด้วยการจัดการปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการเหนื่อยล้า ดังนี้

  • ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อช่วยเสริมความแข็งแรงและความยืดหยุ่นให้กับร่างกาย ทั้งยังช่วยทำให้รู้สึกสดชื่นได้อีกด้วย
  • รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เน้นรับประทานอาหารที่มีเส้นใยสูง น้ำตาลต่ำ และโปรตีนสูง เช่น ผัก ผลไม้ ถั่ว เมล็ดพืช ธัญพืช เนื้อหมู ไก่ ปลา
  • หมั่นตรวจระดับน้ำตาลในเลือดด้วยตนเองอยู่เสมอ เพื่อให้ทราบระดับน้ำตาลของตัวเอง ซึ่งจะช่วยให้ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้เหมาะสมขึ้น
  • พักผ่อนให้เพียงพอ ควรนอนอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน และฝึกเข้านอนให้เป็นเวลา เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างมีประสิทธิภาพ
  • หากิจกรรมจัดการกับความเครียด เช่น ทำงานอดิเรก เล่นโยคะ ออกกำลังกาย นอนพักผ่อน วาดรูป ฟังเพลง พูดคุยกับเพื่อน
  • ขอความร่วมมือหรือรับความช่วยเหลือจากครอบครัวและคนรอบข้าง เนื่องจากโรคเบาหวานเป็นโรคเรื้อรัง หากได้รับกำลังใจที่ดีทั้งจากครอบครัวและเพื่อนฝูงจะช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกไม่โดดเดี่ยว ไม่เกิดความเครียดหรือซึมเศร้าในการดูแลตนเอง ช่วยให้มีสุขภาพจิตใจที่ดีในการดำเนินชีวิต ส่งผลให้สามารถควบคุมโรคเบาหวานได้ดีขึ้น
  • ดูแลรักษาโรคแทรกซ้อนที่เกิดจากเบาหวาน หรือโรคประจำตัวอื่น ๆ อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มีสุขภาพโดยรวมที่ดี ช่วยไม่ให้เกิดอาการเหนื่อยล้า