svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สุขภาพ

รู้จักไวรัสโควิดสายพันธุ์ XBB.1.5 ที่ทั่วโลกจับตา

05 มกราคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

โควิดต้นปีกับเรื่องน่าสนใจ WHO เตือน XBB.1.5 เป็นไวรัสโควิดที่แพร่ระบาดรุนแรงสุดขณะนี้ ด้านศูนย์จีโนมฯ รพ.รามาธิบดี สรุป 18 คุณสมบัติสำคัญของโอมิครอน XBB.1.5 สายพันธ์ุที่น่าจับตาล่าสุด

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทั่วโลกกำลังมีความกังวลต่อการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของไวรัสโอมิครอนลูกผสม ซึ่งปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์เรียกว่า XBB.1.5 โดยข้อมูลจากศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ระบุว่า ต้นตระกูลของมันคือโอมิครอน BA.2 โดยเป็นสายพันธุ์ลูกผสม (Recombinant) ระหว่างโอมิครอน 2 สายพันธุ์ คือ BJ.1 และ BM.1.1.1 ไวรัสชนิดนี้มีอัตราการแพร่ระบาดรวดเร็วมาก และเป็นสายพันธุ์ที่หลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้ดีที่สุดสายพันธุ์หนึ่งในปัจจุบัน

ล่าสุด แพทย์หญิงมาเรีย ฟาน เคอร์คอฟ หัวหน้าด้านเทคนิคขององค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยว่า

ไวรัสโอมิครอนสายพันธุ์ XBB.1.5 เป็นไวรัสโควิด-19 ที่สามารถแพร่ระบาดรุนแรงที่สุดในขณะนี้ เนื่องจากไวรัสดังกล่าวสามารถกลายพันธุ์และเกาะติดกับเซลล์มนุษย์ และทำสำเนาตัวเองได้อย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้ แพทย์หญิงฟาน เคอร์คอฟ ระบุมีการตรวจพบไวรัส XBB.1.5 ใน 29 ประเทศทั่วโลก และ WHO ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับอาการรุนแรงที่เกิดจากไวรัสดังกล่าว แต่ยังไม่มีสิ่งบ่งชี้ว่าไวรัส XBB.1.5 จะทำให้ผู้ติดเชื้อมีอาการเจ็บป่วยรุนแรงกว่าสายพันธุ์ย่อยของโอมิครอนที่มีการตรวจพบในขณะนี้

รู้จักไวรัสโควิดสายพันธุ์ XBB.1.5 ที่ทั่วโลกจับตา

ทางด้านศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของจีน แถลงว่ามีความเป็นไปได้ต่ำที่ไวรัสโอมิครอนสายพันธุ์ XBB จะแพร่ระบาดในวงกว้างจนกลายเป็นสายพันธุ์หลักในจีน โดย CDC เปิดเผยว่า ขณะนี้ BA.5.2 และ BF.7 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ย่อยของ BA.5 ยังคงเป็นไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์หลักในจีน ขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญเปิดเผยว่า ไวรัสโอมิครอนสายพันธุ์ XBB.1.5 กำลังกลายเป็นไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์หลักในสหรัฐ เนื่องจากไวรัสดังกล่าวสามารถหลบหลีกภูมิคุ้มกัน และเกาะติดกับเซลล์มนุษย์ได้ดีกว่าสายพันธุ์อื่น

นอกจากนี้ CDC ของสหรัฐ ยังเปิดเผยว่า ไวรัสโอมิครอนสายพันธุ์ XBB.1.5 มีสัดส่วนการแพร่ระบาด 41% ของไวรัสโควิด-19 ทั้งหมดที่มีการตรวจพบจากผู้ป่วยรายใหม่ในสหรัฐ โดยสูงกว่าเกือบ 2 เท่าจากที่มีการตรวจพบ 21.7% ในสัปดาห์ที่แล้ว

รู้จักไวรัสโควิดสายพันธุ์ XBB.1.5 ที่ทั่วโลกจับตา

สรุป 18 คุณสมบัติสำคัญ 'โควิด XBB.1.5' สายพันธุ์ที่ทั่วโลกจับตา

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ โรงพยาบาลรามาธิบดี เผย 18 คุณสมบัติสำคัญของโควิด “ซุปเปอร์แวเรียนท์ (super-variant): XBB.1.5” ที่น่าสนใจดังนี้

1. ต้นตระกูลของ XBB.1.5 คือโอมิครอน BA.2, เป็นสายพันธุ์ลูกผสม (recombinant) ระหว่างโอมิครอนสองสายพันธุ์คือ BJ.1 และ BM.1.1.1 (ภาพ2)

2. มีวิวัฒนาการกลายพันธุ์ต่างจาก XBB.1 ในส่วนของโปรตีนหนาม 1 ตำแหน่งคือ “F486P” (ภาพ3)

3. เป็นสายพันธุ์ที่หลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้ดีที่สุดสายพันธุ์หนึ่งในปัจจุบัน (ภาพ4 แกนตั้ง)

4. จับยึดกับผิวเซลล์บริเวณโปรตีน ACE-2 ของผู้ติดเชื้อได้แน่นที่สุดสายพันธุ์หนึ่ง ทำให้เป็นสายพันธุ์ที่แทรกรุกรานเข้าสู่เซลล์ได้ดีที่สุดในปัจจุบัน (ภาพ4 แกนนอน)

5. XBB.1.5 หลบเลี่ยงต่อภูมิคุ้มกันแบบผสม (hybrid immunity) อันเกิดจากการฉีดวัคซีนและการติดเชื้อตามธรรมชาติ) ได้ดีกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิม, อู่ฮั่น ถึง 104 เท่า (ภาพ5)

6. ภูมิคุ้มกันแบบผสมจาก “การฉีดวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอตามด้วยการติดเชื้อโอมิครอน BA.4/BA.5 ตามธรรมชาติ” สามารถป้องกันการติดเชื้อ XBB* ได้ดีกว่าการฉีดวัคซีนแบบเอ็มอาร์เอ็นเอตามด้วยการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นด้วยวัคซีนสองสายพันธุ์ (bivalent) (ภาพ5)

7. ภูมิคุ้มกันแบบผสมจาก “การฉีดวัคซีนเชื้อตาย 3 เข็มตามด้วยการติดเชื้อโอมิครอน BF.7 ตามธรรมชาติ” สามารถป้องกันการติดเชื้อ XBB, XBB.1, XBB.1.5 ได้ใกล้เคียงกัน แต่ต่ำกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิม, อู่ฮั่น อย่างมีนัยสำคัญ (ภาพ6A)

8. ภูมิคุ้มกันแบบผสมจาก “การฉีดวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอ 3 เข็มตามด้วยการติดเชื้อโอมิครอน BA.5 ตามธรรมชาติ” สามารถป้องกันการติดเชื้อ XBB, XBB.1, XBB.1.5 ได้ใกล้เคียงกัน (ภาพ6B) และใกล้เคียงกับกลุ่มผู้ที่ได้รับฉีดวัคซีนเชื้อตาย 3 เข็มตามด้วยการติดเชื้อโอมิครอน BF.7 ตามธรรมชาติ (ภาพ6A) แต่ยังคงต่ำกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิม, อู่ฮั่น อย่างมีนัยสำคัญ

9. แม้ว่า XBB.1.5 จะหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้ใกล้เคียงกับ XBB และ XBB.1 แต่พบว่า XBB.1.5 สามารถจับกับตุ่มโปรตีน ACE-2 บนผิวเซลล์ผู้ติดเชื้อได้แน่นกว่า BA.2.75, BQ.1.1 และ XBB ทำให้ผลรวมสามารถแพร่ระบาดได้เหนือกว่า XBB, XBB.1 และโควิดทุกสายพันธุ์ที่กำลังระบาดในหลายประเทศ ทั่วโลก

10. การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น เอ็มอาร์เอ็นเอรุ่นที่สอง (สองสายพันธุ์-bivalent booster) จะกระตุ้นภูมิคุ้มกันต่อ XBB ได้ดีกว่าการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นรุ่นแรก (สายพันธุ์เดียว monovalent booster) จำนวนสองเข็ม และการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นรุ่นแรก (สายพันธุ์เดียว monovalent booster) เพียงเข็มเดียวตามลำดับ (ภาพ7)

11. จากการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมของ XBB.1.5 ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาพบว่า XBB.1.5 มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage) เหนือกว่าโอมิครอนทุกสายพันธุ์ที่แพร่ระบาดในขณะนี้ ประมาณ 109 % (ภาพ8)

12. จากการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมของ XBB.1.5 ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาพบว่า XBB.1.5 มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage) เหนือกว่าโอมิครอน BA.5.2.1 (ซึ่งเป็นสายพันธุ์หลักแพร่ระบาดในหลายประเทศขณะนี้) ประมาณ 217 % (ภาพ9)

13. ATK และ PCR ยังใช้ตรวจโอมิครอน XBB.1.5 ได้ดี ไม่แตกต่างจากโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยอื่นอย่างมีนัยสำคัญ

14. อาการความรุนแรง (severity) ไม่ต่างจาก XBB* อื่นอย่างมีนัยสำคัญ

15. จากฐานข้อมูลโควิดโลก “GISAID” ยังไม่พบโอมิครอน XBB.1.5 ในประเทศไทย

16. ยา(เม็ด)โมลนูพิราเวียร์ (Molnupiravir), ยา(เม็ด)แพกซ์โลวิด (Paxlovid: nirmatrelvir/ritonavir), ยา(ฉีด)เรมเดซิเวียร์ (remdesivir) ยังใช้ต้านโควิดทุกสายพันธุ์ได้ดีแม้จะมีการกลายพันธุ์บนส่วนหนามแหลมก็ตาม ปัจจุบันยังไม่พบเชื้อดื้อยา (ภาพ10)

17. XBB.1.5 ดื้อต่อยาฉีดสร้างภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปทุกชนิดที่หลายประเทศมีใช้กันอยู่ในปัจจุบัน (ภาพ10)

18. ยังไม่มีข้อมูลทางคลินิกบ่งชี้ว่า XBB.1.5 ทำให้เกิดการติดเชื้อรุนแรง (severity) แตกต่างไปจากโอมิครอนสายพันธุ์อื่นอย่างมีนัยสำคัญ โดยสรุป XBB.1.5 แพร่ได้รวดเร็วกว่าโควิดทุกสายพันธุ์ที่ระบาดในปัจจุบัน หลบเลี่ยงภูมิคุ้มทั้งจากการฉีดวัคซีนและการติดเชื้อตามธรรมชาติได้ดีที่สุด ส่วนโปรตีนหนาม (spike protein) มีแรงยึดเกาะกับผิวเซลล์ผู้ติดเชื้อได้แน่นมากที่สุดทำให้แพร่ติดต่อเข้าสู่เซลล์ได้โดยง่าย ดื้อ (resistant) ต่อยาฉีดสร้างภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปทุกชนิดที่หลายประเทศมีใช้กันอยู่ ถูกยับยั้งหรือทำลาย(susceptible) ได้ด้วยยาต้านไวรัสทั้งชนิดเม็ดและชนิดฉีด ปัจจุบันยังไม่พบเชื้อดื้อยา ยังสามารถตรวจคัดกรองได้ดีด้วย ATK และ PCR "รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้งก็จะไม่พ่ายแพ้ในทุกครั้ง"

 

logoline