svasdssvasds
เนชั่นทีวี

รักษ์โลก

ครม.เห็นชอบเพิ่มมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม “พังงา-กระบี่-เกาะพยาม ระนอง”

“พัชรวาท” เผย ครม.เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงฯ 3 ฉบับ คงมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม “พังงา-กระบี่" พร้อมพื้นที่ทางทะเลและชายฝั่งเกาะพยาม จ.ระนอง” เร่งรักษาฟื้นฟูสมดุลธรรมชาติและคงความสมบูรณ์ยั่งยืน

KEY

POINTS

  • คณะรัฐมนตรีเห็นชอบกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ 7 อำเภอ จ.พังงา และ 5 อำเภอ จ.กระบี่ ต่อเนื่องจากเดิม
  • พร้อมเพิ่มมาตรการคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งใหม่ ในพื้นที่หมู่เกาะพยาม อ.เมืองระนอง จ.ระนอง อย่างจำเป็นเร่งด่วน

เพราะทรัพยากรธรรมชาติมีอยู่อย่างจำกัด จึงต้องได้รับการดูแลรักษาและฟื้นฟู โดยเฉพาะทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งของไทยที่เป็นจุดหมายปลายทางในการท่องเที่ยวของคนทั่วโลก  ล่าสุด พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2567 ว่าคณะรัฐมนตรีได้พิจารณาให้ความเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 2 ฉบับ เรื่องกำหนดเขตพื้นที่ และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ 7 อำเภอของ จ.พังงา ประกอบด้วย

  • อ.คุระบุรี
  • อ.ตะกั่วป่า
  • อ.ท้ายเหมือง
  • อ.ทับปุด
  • อ.ตะกั่วทุ่ง
  • อ.เกาะยาว
  • อ.เมือง 

และพื้นที่ 5 อำเภอของ จ.กระบี่ ประกอบด้วย

  • อ.อ่าวลึก
  • อ.เมือง
  • อ.เหนือคลอง
  • อ.คลองท่อม
  • อ.เกาะลันตา

ทั้งนี้ สืบเนื่องมาจากประกาศกระทรวงฉบับเดิมจะสิ้นอายุการใช้บังคับในวันที่ 31 มีนาคม 2568 จึงมีความจำเป็นต้องออกประกาศกระทรวงฯ ฉบับใหม่เพื่อให้มาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมที่ปรับปรุงแก้ไขมีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพปัจจุบัน โดยผ่านการรับฟังความเห็นจากทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง ก่อนนำมาจัดทำร่างประกาศกระทรวงฯ 

ครม.เห็นชอบเพิ่มมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม “พังงา-กระบี่-เกาะพยาม ระนอง”

นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรียังได้เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงฯ อีก 1 ฉบับ เรื่องมาตรการคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในพื้นที่หมู่เกาะพยาม อ.เมืองระนอง จ.ระนอง

เนื่องจากหมู่เกาะพยาม ประกอบด้วย เกาะพยาม เกาะขาม และเกาะนุ้ย มีพื้นที่ 1,500 ไร่ เป็นแนวปะการังน้ำตื้นสภาพดีปานกลาง หญ้าทะเลค่อนข้างสมบูรณ์ พบสัตว์ทะเลหายากและใกล้สูญพันธุ์เป็นครั้งคราว แต่พบว่ามีการตายของปะการังบางส่วน จากการประกอบกิจกรรมการท่องเที่ยวทะเล ทำประมง การพัฒนาอุตสาหกรรมในพื้นที่ ปัญหาการทิ้งขยะ น้ำเสียจากชุมชน ส่งผลกระทบต่อทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง แนวปะการัง แหล่งหญ้าทะเล สัตว์น้ำวัยอ่อน และคุณภาพชายหาด จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องกำหนดพื้นที่ให้ใช้มาตรการคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง

โดยแนวทางปฏิบัติ อาทิ ห้ามทิ้งขยะ ปล่อยน้ำเสีย ตะกอน การท่องเที่ยวดำน้ำ ซึ่งส่งผลกระทบต่อแนวปะการัง รวมทั้งการทิ้งสมอเรือ การให้อาหารสัตว์น้ำ การทำประมง การขุดหรือถมทะเล การจับหรือครอบครองปลาสวยงาม ซึ่งมาตรการดังกล่าวไม่ให้ใช้บังคับกับพื้นที่ราชการ เช่น กองทัพเรือ การปฏิบัติการของหน่วยงานรัฐ เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง การศึกษาและวิจัยทางวิชาการ หรือเพื่อประโยชน์ทางวิชาการ

พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
“เมื่อประกาศกระทรวงฯ ทั้ง 3 ฉบับ ได้รับการเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว เชื่อมั่นว่าจะช่วยป้องกัน สงวน บำรุงรักษา และคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติ คุณภาพสิ่งแวดล้อม แหล่งธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมศิลปกรรมที่มีคุณค่าในพื้นที่ให้คงอยู่ได้อย่างสมดุลตามธรรมชาติ และคงความสมบูรณ์ยั่งยืน ส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยว ทำให้เกิดรายได้กับประชาชนในพื้นที่ อีกทั้งฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งให้กลับมามีความสมบูรณ์ เพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเล คงไว้ซึ่งความสมบูรณ์ทางธรรมชาติ เพิ่มปริมาณสัตว์น้ำ เพิ่มรายได้กิจการประมงท้องถิ่น เป็นการบริหารทะเลและชายฝั่งให้เกิดความยั่งยืน” พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าว