svasdssvasds
เนชั่นทีวี

รักษ์โลก

สภาลมหายใจฯ เตือน รัฐเสี่ยงถูกฟ้องซ้ำ หากมาตรการแก้ฝุ่น PM2.5 ไม่เปลี่ยน 

11 กรกฎาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ศาลปกครองเชียงใหม่ พิพากษา นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทรโอชา และคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ กรณีละเลยต่อหน้าที่แก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 พร้อมสั่งให้ใช้อำนาจตามกฎหมายที่มี เฝ้าระวัง ป้องกัน บรรเทา และแก้ไขปัญหามลพิษฝุ่นใน จ.เชียงใหม่ ให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน 

อีกหนึ่งประเด็นร้อนๆ ที่ว่าด้วยเรื่อง "สิ่งแวดล้อม"

ภายหลังศาลปกครองเชียงใหม่พิพากษา นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทรโอชา และคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ กรณีละเลยต่อหน้าที่แก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 พร้อมสั่งให้ใช้อำนาจตามกฎหมายที่มี เฝ้าระวัง ป้องกัน บรรเทา และแก้ไขปัญหามลพิษฝุ่นใน จ.เชียงใหม่ ให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน

สภาลมหายใจฯ เตือน รัฐเสี่ยงถูกฟ้องซ้ำ หากมาตรการแก้ฝุ่น PM2.5 ไม่เปลี่ยน 

สภาลมหายใจฯ เตือน รัฐเสี่ยงถูกฟ้องซ้ำ หากมาตรการแก้ฝุ่น PM2.5 ไม่เปลี่ยน 

ล่าสุดทางด้าน นายบัณรส บัวคลี่ ฝ่ายข้อมูลและผลักดันนโยบาย เครือข่ายสภาลมหายใจภาคเหนือ แสดงความเห็นว่า

สภาลมหายใจฯ เตือน รัฐเสี่ยงถูกฟ้องซ้ำ หากมาตรการแก้ฝุ่น PM2.5 ไม่เปลี่ยน 

หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงมาตรการแก้ปัญหาฝุ่นควัน PM2.5 ปัญหาดังกล่าวก็จะยังคงยืดเยื้อ และอาจทำให้รัฐบาลชุดหน้าถูกภาคประชาชนฟ้องร้องอีกได้

สภาลมหายใจฯ เตือน รัฐเสี่ยงถูกฟ้องซ้ำ หากมาตรการแก้ฝุ่น PM2.5 ไม่เปลี่ยน 

“แม้ศาลปกครองเชียงใหม่พิพากษานายกรัฐมนตรี ประยุทธ์ จันทรโอชา และคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติต้องใช้อำนาจที่มีตามกฎหมาย แก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 คำพิพากษาดังกล่าวอาจไม่ได้มีผลทำให้เกิดการแก้ปัญหาฝุ่นควัน PM2.5 ได้ เพราะรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ กำลังจะหมดวาระในไม่ช้า ดังนั้นความหวังที่จะแก้ปัญหาฝุ่นควัน PM2.5 ที่เรื้อรังทุกปีในพื้นที่ภาคเหนือ จึงตกอยู่กับรัฐบาลชุดหน้า ที่กำลังจัดตั้งในเร็วๆ นี้” นายบัณรส กล่าว

สภาลมหายใจฯ เตือน รัฐเสี่ยงถูกฟ้องซ้ำ หากมาตรการแก้ฝุ่น PM2.5 ไม่เปลี่ยน  ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2566 ศาลปกครองเชียงใหม่โดย น.ส.พิชญ์ณัฎฐ์ ตุลาการผู้แถลงคดี อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ ส. 2/2566 คดีหมายเลขแดงที่ ส. 2/2566  คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร ระหว่าง นายวสุชาติ พิชัย ผู้ฟ้องคดี กับ นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 โดยมีใจความสรุปดังนี้

จากการไต่สวนจาก ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คำพิพากษาศาลปกครองระบุว่า เนื่องจากค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี และส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนจริง ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว จนเกินกำลังของบุคลากรทางการแพทย์ ตามคำชี้แจงของคณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ , ผู้อำนวยการสำนักงานหลักประกันสุขภาพเขตที่ 1 เชียงใหม่ และผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ 

ศาลปกครอง เห็นว่า

แม้สถานการณ์ปัญหาควัน หรือ ฝุ่นละออง ที่เกิดขึ้นในท้องที่จังหวัดเชียงใหม่ได้คลี่คลายลงแล้ว ตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า ปัญหาควันหรือฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5ไมครอน (PM2.5) ในเขตจังหวัดเชียงใหม่ยังคงเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปีอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มว่าจะทวีความรุนแรงขึ้น อันจะก่อให้เกิดผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน และเกิดผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม

จึงพิพากษาให้ นายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ร่วมกันใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งดำเนินการอื่นใด เพื่อระวัง ป้องกัน บรรเทา และแก้ไขปัญหามลพิษอันเกิดจากควันหรือฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ในเขตจังหวัดเชียงใหม่ให้อยู่ในค่ามาตรฐาน และเกณฑ์ดัชนีคุณภาพอากาศของประเทศในระดับดีมากหรือระดับดีต่อสุขภาพของประชาชนและสิ่งแวดล้อมในอนาคตได้อย่างทันท่วงที

สภาลมหายใจฯ เตือน รัฐเสี่ยงถูกฟ้องซ้ำ หากมาตรการแก้ฝุ่น PM2.5 ไม่เปลี่ยน 

สภาลมหายใจฯ เตือน รัฐเสี่ยงถูกฟ้องซ้ำ หากมาตรการแก้ฝุ่น PM2.5 ไม่เปลี่ยน 

logoline