svasdssvasds
เนชั่นทีวี

รักษ์โลก

เปิด 4 แนวทางรับมือปัญหา Food Waste ขยะอาหารที่จัดการได้ตั้งแต่ต้นทาง

ปัญหาน่าห่วง! ปริมาณขยะอาหารไทยพุ่ง นักวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหารแนะ 4 แนวทางเตรียมพร้อมสร้างความมั่นคงทางอาหาร และการจัดการของเหลือจากอาหารได้อย่างยั่งยืน

ประเทศไทยมีแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของ "ขยะอาหาร" หรือ Food Waste ที่อาจถึงขั้นวิกฤติและเริ่มส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม สถานการณ์ "ขยะอาหาร" จากผลการศึกษาพบ 2 ปัจจัยสำคัญในการสร้าง Food Waste หนึ่งคือการสูญเสียอาหารจากกระบวนการผลิต และอีกส่วนหนึ่งเกิดจากการบริโภคไม่หมดจนต้องทิ้ง เชื่อมโยงธุรกิจร้านอาหารแบบบุฟเฟต์ที่มีโอกาสทำให้เกิดขยะอาหารจากการเตรียมอาหารปริมาณมากเพื่อดึงดูดลูกค้า แต่กลับมากเกินความต้องการและเหลือทิ้ง

เปิด 4 แนวทางรับมือปัญหา Food Waste ขยะอาหารที่จัดการได้ตั้งแต่ต้นทาง

ปัญหาขยะอาหาร

อุตสาหกรรมอาหารนับเป็นอีกอุตสาหกรรมหนึ่งที่มีบทบาทหรือมีส่วนในการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม หรือกระทั่งกลายเป็นฝ่ายที่สร้างปัญหาให้กับสิ่งแวดล้อมได้ สำหรับเรื่องนี้ ดร.รชา เทพษร ภาควิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เคยกล่าวถึงข้อมูลจากองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ที่ระบุว่า

ทั่วโลกมี “ขยะอาหาร” (food waste) ถูกทิ้งประมาณ 1 ใน 3 หรือ กว่าร้อยละ 30 จากจำนวนทั้งหมดที่ถูกผลิตขึ้นบริโภคในแต่ละวัน หรือรวมกันประมาณ 1,300 ล้านตันต่อปี จำนวนอาหารที่ถูกทิ้งที่ว่านี้นับเป็นปริมาณที่มากพอสำหรับประชากรในทวีปแอฟริกาบริโภคได้ตลอดทั้งปีเลยทีเดียว

ในกระบวนการการผลิตอาหารทุกชนิดนั้นต้องใช้ทรัพยากรน้ำ พืชที่ใช้เลี้ยงสัตว์ แรงงาน พลังงาน เป็นต้นทุน เช่น การผลิตเนื้อหมู 1 กิโลกรัม ใช้น้ำทั้งหมด 6,000 ลิตร หรือเทียบได้กับการอาบน้ำฝักบัว 188 ครั้ง และเทียบได้กับการอาบน้ำในอ่าง 250 ครั้ง ซึ่งนอกจากทรัพยากรในขั้นตอนการผลิตแล้ว ยังมีประเด็นเรื่อง "การกำจัดอาหาร" เหล่านั้นซึ่งมีกระบวนการย่อยสลายตามธรรมชาติที่ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจก ถึงร้อยละ 8 ของสัดส่วนการปล่อยทั้งหมดในแต่ละปี หรือสามารถสร้างภาระก๊าซเรือนกระจกเทียบเท่ากับที่รถยนต์ 37 ล้านคันผลิตและปล่อยขึ้นไปในชั้นบรรยากาศ

เปิด 4 แนวทางรับมือปัญหา Food Waste ขยะอาหารที่จัดการได้ตั้งแต่ต้นทาง

ขยะอาหารสะท้อนการจัดสรรทรัพยากร

ปัญหา “ขยะอาหาร” นั้นสะท้อนการขาดประสิทธิภาพในการจัดสรรทรัพยากรของหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะประเด็นของการผลิตที่เปล่าประโยชน์ ไม่สอดคล้องกับสภาวการณ์การบริโภคจริงในแต่ละวัน ขณะที่ทั่วโลกหรือแทบทุกประเทศยังมีผู้ขาดแคลนอาหารเป็นจำนวนมาก ผู้บริโภคทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย จำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน ลดการเหลือทิ้งก่อขยะให้น้อยที่สุด ซื้ออาหารเท่าที่พอกิน หมั่นตรวจเช็ควันหมดอายุของอาหารที่เก็บไว้ บริจาคอาหารที่ไม่ต้องการ แต่ยังกินได้ให้ผู้อื่น สนับสนุนร้านค้าท้องถิ่น หรืออาหารพื้นถิ่น เพื่อลดการใช้พลังงานและมลพิษจากการขนส่ง

ในขณะเดียวกันเจ้าของธุรกิจร้านค้าหรือร้านอาหาร อาจจะจัดตั้งส่วนพิเศษสำหรับอาหารที่จำหน่ายไม่ทัน นำไปลดราคา หรือแจกฟรี หากมีการประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง มาตรการนี้ก็จะเข้าถึงกลุ่มมีคนอีกมากมายที่ยังขาดแคลนอาหารได้ กฎหมายมีส่วนในการลดความสูญเสียของอาหาร และสร้างแรงจูงใจในการช่วยแก้ปัญหานี้ได้ อีกเรื่องที่มองข้ามไม่ได้คือ ธุรกิจอาหารแบบบุฟเฟต์ ซึ่งทำให้เกิดขยะอาหารจำนวนมากเช่นกัน เนื่องจากจุดขายธุรกิจอาหารแบบบุฟเฟต์ คือมีอาหารหลายเมนู ซึ่งผู้ประกอบการต้องเตรียมอาหารเอาไว้เพื่อดึงดูดลูกค้าในปริมาณที่มากจนเกินความต้องการ (Over Prepare) ขณะที่ผู้บริโภคเองก็รู้สึกว่าเมื่อรับประทานแบบบุฟเฟต์ก็ต้องได้รับประทานให้เกิดความคุ้มค่า เรื่องขยะอาหาร (Food Waste) จึงเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันทั้งระบบห่วงโซ่อาหาร ทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค ซึ่งทั้งหมดต้องตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อเรื่องนี้ร่วมกัน

เปิด 4 แนวทางรับมือปัญหา Food Waste ขยะอาหารที่จัดการได้ตั้งแต่ต้นทาง

4 แนวทางรับมือปัญหา Food Waste

กระบวนการสำคัญที่สามารถนำไปใช้เป็นแนวทางสำหรับการจัดการ ‘ขยะอาหาร’ (Food Waste) อย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่

1. ลดความยาวของห่วงโซ่อาหาร ถ้าห่วงโซ่อาหารยาวต้องส่งผู้ผลิตหลายทอด อาหารก็ต้องอยู่ในระบบนานกว่าจะถึงผู้บริโภค จึงจำเป็นต้องลดความยาวของห่วงโซ่อาหารให้สั้นลง พร้อมตั้ง ‘กฎเหล็ก’ ของการซื้ออาหารปรุงสำเร็จและวัตถุดิบสำหรับประกอบอาหาร อาทิ อย่าซื้อตอนหิว ซื้อเฉพาะที่จำเป็น และไม่ตกเป็นทาสของการตลาด เช่น โปรโมชั่น ซื้อ 1 แถม 1 เพื่อสร้างวินัยในการซื้ออาหาร เป็นต้น

2. เพิ่มคุณประโยชน์ให้อาหารที่ใกล้เป็นของเสีย โดยการแปรรูปอาหารเพื่อยืดอายุ ซึ่งเรามีภูมิปัญญาในเรื่องเหล่านี้มานาน อาทิ การอบแห้ง การนำไปผ่านความร้อน-ความเย็น การหมักดอง เป็นต้น

3. การนำขยะอาหารไปใช้ให้เกิดคุณค่าหรือมูลค่าเพิ่มขึ้น เช่น การทำก๊าซชีวภาพ เพื่อไม่เป็นภาระต่อสิ่งแวดล้อม เป็นต้น

4. การกำจัดทิ้งอย่างถูกวิธี ซึ่งส่วนใหญ่อาหารเราจะใช้วิธีในการฝังกลบ แต่ก่อนที่จะมาถึงขั้นตอนการทิ้งขยะอาหารนั้น ควรจะต้องผ่านกระบวนการลดการเกิดขยะอาหารเหล่านี้ก่อน ซึ่งหากดำเนินการทั้งหมดนี้ก็จะสามารถช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมจากขยะอาหารได้

กรณีศึกษาเกี่ยวกับ ‘ขยะอาหาร’ (Food Waste)

ในต่างประเทศเช่นบางประเทศในยุโรป มีการออกกฎหมายเรื่องการลดการสูญเสียอาหาร อาทิ ฝรั่งเศสมีกฎหมายการจัดการอาหารส่วนเกินจากกระบวนการการค้าปลีก มีมาตรการกฎหมายสร้างแรงจูงใจทางภาษี เช่น ลดภาษีถ้าผู้ผลิตสามารถลดปริมาณ ‘ขยะอาหาร’ (Food Waste) และสามารถควบคุมมาตรการความปลอดภัยอาหารบริจาค

หรือการสร้างสรรค์เมนูอาหารด้วยหลัก ‘ครีเอทีฟเมนู’ ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมมากในญี่ปุ่น ที่นำของเหลือในตู้เย็นหรืออาหารที่ทานไม่หมด จนเป็นเกิดกระแสและแบ่งปันวิธีการที่น่าสนใจอย่างแพร่หลาย

รวมถึงแนวคิดการนำ ‘อาหารป้ายเหลือง’ ไปแจกในชุมชนที่อยู่อาศัยในประเทศสิงคโปร์ ซึ่งช่วยให้ผู้คนเข้าถึงวัตถุดิบที่ตกมาตรฐานร้านค้าพรีเมียมหรือภัตตาคารหรู ซึ่งยังเป็นอาหารที่สะอาด ประกอบอาหารได้ และยังช่วยลดภาระของรัฐในการจัดการกับ "ขยะอาหาร" หรือ Food Waste อีกด้วย