svasdssvasds
เนชั่นทีวี

รักษ์โลก

How to เลือกปรับแอร์ให้ถูกโหมด ลดความร้อนกาย สบายกระเป๋า

10 เมษายน 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

หน้าร้อนเปิดแอร์ไม่รู้โหมดโปรดทำใจ เพราะเห็นบิลค่าไฟอาจหนาว!! มารู้จักโหมดต่างๆ ของแอร์ เพื่อการใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและตรงตามความต้องการ แถมประหยัดไฟมากขึ้น

เริ่มเห็นหลายคนโพสต์บ่นๆ ในโซเชียลถึงเรื่องบิลค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นเหมือนเงาตามตัวจากอุณหภูมิในบ้านเราที่พุ่งสูงขึ้น ขณะที่บางบ้านเลือกลดการใช้พลังงานไฟฟ้าลงด้วยการเปิดๆ ปิดๆ แอร์ หรือใช้พัดลมเข้าช่วย แต่รู้หรือไม่ว่า หากเราเลือกปรับโหมดแอร์ให้ถูกโหมดการใช้อาจได้บิลค่าไฟที่ถูกลง

How to เลือกปรับแอร์ให้ถูกโหมด ลดความร้อนกาย สบายกระเป๋า

อยากปรับแอร์ให้เย็นต้องรู้จักโหมดความเย็นของแอร์ มีอะไรบ้าง?

การจะใช้งานแอร์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและตรงตามความต้องการของเรานั้น จำเป็นจะต้องรู้เรื่องโหมดต่างๆ ของแอร์ว่าแต่ละโหมดนั้นให้ความเย็นแบบไหน เหมาะกับการเปิดช่วงไหนเป็นพิเศษ เพราะโหมดความเย็นของแอร์ทุกรุ่นค่อนข้างคล้ายกันทั้งหมด โดยมีสัญลักษณ์บ่งบอกการทำงานของโหมดนั้นๆ ดังนี้

How to เลือกปรับแอร์ให้ถูกโหมด ลดความร้อนกาย สบายกระเป๋า

โหมด Auto / I-Feel
ในโหมดนี้แอร์จะทำงานตามอุณหภูมิห้องโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องปรับใดๆ เพิ่มเติมทั้งนั้น เพราะเซ็นเซอร์ภายในตัวแอร์จะประมวลผลอุณหภูมิและพัดลมให้แล้ว เพื่อให้ได้ความเย็นที่เหมาะสมกับอากาศและการทำงานภายในห้อง

ข้อดีของโหมดนี้จะไม่เปลืองไฟจนเกินไป เพราะระบบจะคำนวณทุกอย่างให้เหมาะสมต่อการใช้งาน แถมยังไม่ยุ่งยากในการปรับอีกด้วย แต่สิ่งที่ควรระวังคือ หากภายในห้องอยู่เพียงคนเดียว หรือจำนวนคนน้อยลงอย่างทันที อาจส่งผลให้เปลืองไฟเกินจำเป็นได้เหมือนกัน

โหมด Cool
อยากปรับแอร์ให้เย็นต้องโหมด Cool เลย เพราะชื่อก็บอกแล้วว่าเป็นโหมดทำความเย็น โดยเราสามารถตั้งค่าอุณหภูมิที่ต้องการได้เลย โดยแอร์จะทำงานในลักษณะค่อยๆ ลดอุณหภูมิในห้องให้ต่ำลงตามที่เราตั้งค่าเอาไว้ เมื่อเครื่องทำงานถึงอุณหภูมิที่ตั้งไว้แล้วจะทำการตัดทันที

โหมดนี้เหมาะกับการเปิดในห้องนอน ห้องนั่งเล่น หรือภายในคอนโด โดยเฉพาะในช่วงกลางวันหรืออากาศร้อนจัด เพื่อให้แอร์ทำงานได้ตามความเย็นที่เราต้องการ แต่ก็พ่วงความกินไฟที่สูงขึ้นตามมาด้วย แนะนำให้ตั้งอุณหภูมิที่ 26 องศา เพื่อให้แอร์สามารถรักษาความเย็นได้อย่างเหมาะสม และช่วยประหยัดไฟได้ด้วย

How to เลือกปรับแอร์ให้ถูกโหมด ลดความร้อนกาย สบายกระเป๋า

โหมด Fan
โหมดพัดลม การทำงานของโหมดนี้แอร์จะทำหน้าที่เป็นพัดลมทำการปล่อยลมออกมาโดยไม่มีความเย็น เป็นการเพิ่มการไหลเวียนของอากาศภายในห้อง ซึ่งจุดประสงค์ของโหมดนี้คือ การลดกลิ่นอับชื้นและกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่างๆ หากเมื่อไหร่ก็ตามที่เริ่มรู้สึกว่าในห้องมีกลิ่นอับหรือกลิ่นไม่ดี สามารถเปิดโหมดพัดลมทิ้งไว้ได้เลย เพื่อให้แอร์เป่าลมออกมา ช่วยลดความชื้นที่สะสมอยู่ในเครื่องได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้การเปิดแอร์ครั้งต่อไปปราศจากกลิ่นไม่พึงประสงค์ แถมยังช่วยให้แอร์เย็นไวขึ้นอีกด้วยนะ

โหมด Dry

โหมดลดความชื้นที่หลายคนมองข้ามและเลือกที่จะไม่ใช้งาน อาจด้วยความไม่รู้ว่ามันคืออะไร ซึ่งประโยชน์ของโหมดนี้ก็คือการลดความชื้นภายในห้อง เมื่อเลือกการทำงานโหมดนี้แล้วเราจะไม่สามารถปรับอุณหภูมิได้ แอร์จะไม่ทำความเย็นใดๆ เหมาะแก่การเปิดในวันที่อากาศชื้น เช่น ฝนตก เพราะความชื้นนั้นส่งผลต่อสุขภาพและความสบายของคนที่อยู่ในห้อง ส่วนเรื่องการกินไฟนั้นสบายใจได้เลย โหมดนี้แทบจะไม่กินไฟเลย

โหมด Hi Power / Powerful Cool
โหมดเย็นเร็ว ทำงานแบบพลังสูงตรงตามชื่อ โดยแอร์จะทำงานพลังสูงเป็นเวลา 15 นาที เพื่อปรับอุณหภูมิตามที่ตั้งไว้อย่างรวดเร็ว สามารถเปิดโหมดนี้ได้ในช่วงแรกที่เปิดแอร์แล้วต้องการความเย็นอย่างทันที ซึ่งโหมดนี้จะกินไฟกว่าปกติเพราะแอร์จะทำงานเต็มพิกัด

โหมด Eco

โหมดประหยัดพลังงาน เป็นระบบควบคุมความเย็นภายในห้อง แอร์จะทำงานเบาด้วยระบบที่จะลดความเย็นลง พร้อมเพิ่มแรงพัดลมเพื่อกระจายลมเย็น ทำให้เราจะรู้สึกเย็นสบายเป็นปกติ ประหยัดไฟอย่างแน่นอน 

 

ทริคเลือกปรับแอร์ให้ถูกโหมด ลดความร้อนกาย สบายกระเป๋า

How to เลือกปรับแอร์ให้ถูกโหมด ลดความร้อนกาย สบายกระเป๋า

ใช้แอร์แบบไหน? ถึงจะเรียกว่าประหยัดไฟ

เมื่อคุณต้องใช้งานแอร์ภายในห้องคอนโดบ่อยครั้งหรือตลอดทั้งวัน ขอแนะนำวิธีการใช้งานที่จะทำให้คุณสามารถประหยัดไฟได้มากขึ้น ทั้งยังเป็นตัวช่วยยืดอายุการใช้งานของแอร์ให้ยาวนานและใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังต่อไปนี้

1.ทำห้องให้โปร่งก่อนเปิดแอร์

ก่อนจะเปิดแอร์ประมาณ 1-2 ชั่วโมง ควรเปิดหน้าต่างและประตูระเบียง เพื่อการถ่ายเทและระบายกลิ่นอับ กลิ่นไม่พึงประสงค์ และความร้อนออกจากห้องให้ได้มากที่สุด จะเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้การเปิดแอร์มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะเมื่อความร้อนภายในที่ถูกอบมาทั้งวัน ถูกถ่ายเทออกไป กลายเป็นบรรยากาศที่เบาบางลง เมื่อเปิดแอร์แล้วจะทำให้การปรับอุณหภูมิห้องเข้าสู่ความเย็นจะง่ายขึ้น จึงทำให้เย็นเร็วและแอร์จะไม่ทำงานหนักมากจนเกินไป ทั้งยังถ่ายเทเอากลิ่นต่างๆ ที่ไม่ดีออกจากห้องไปแบบง่ายๆ อีกด้วย

2.ใช้พัดลมช่วย

ช่วงที่เปิดแอร์แรกๆ ถ้าต้องการให้ได้ความเย็นเร็วและช่วยให้แอร์ไม่ต้องทำงานหนัก ควรเปิดพัดลมร่วมด้วย เพื่อช่วยลดอุณหภูมิภายในห้องให้เย็นลงเร็วขึ้น พร้อมการช่วยหมุนเวียนอากาศและความเย็นภายในห้องได้อย่างทั่วถึงกว่าเดิม เมื่ออุณหภูมิที่ต้องการคงที่ ให้ความเย็นสบายที่เหมาะสมแล้วจึงค่อยปิดพัดลม จะทำให้อากาศภายในห้องเย็นสดชื่นเร็ว แอร์ไม่ทำงานหนักและไม่กินไฟมากจนเกินไป

How to เลือกปรับแอร์ให้ถูกโหมด ลดความร้อนกาย สบายกระเป๋า

3.ตั้งคอมเพรสเซอร์ให้ถูกที่

การวางคอมเพรสเซอร์ถือว่ามีความสำคัญต่อการทำงานของแอร์ด้วยเช่นกัน เพราะถ้าคุณต้องการประหยัดไฟและไม่เปลืองพลังงานมากเกินไป จำเป็นที่จะต้องติดตั้งคอมเพรสเซอร์แอร์ในจุดที่ระบายอากาศได้ดี เนื่องมาจากคอมเพรสเซอร์จะต้องปล่อยความร้อนที่ดูดออกจากคอยล์เย็นตลอดเวลา ดังนั้นจึงควรตั้งในจุดที่โปร่ง โล่ง และไม่สะท้อนความร้อนกลับมายังคอมเพรสเซอร์ เลี่ยงบริเวณที่หน้าคอมเพรสเซอร์จะหันไปปะทะกับกำแพงหรือวัสดุใดๆ แล้วทำให้ความร้อนกลับมาเพิ่มขึ้น เพราะจะทำให้เสียเร็วมาก พร้อมการเลี่ยงตั้งในบริเวณที่เป็นปูนหรือชั้นดาดฟ้าที่รับแสงแดดโดยตรง เพราะความร้อนจากแสงแดดอาจจะทำให้พังได้ง่ายเช่นกัน ดังนั้นจึงควรตั้งอยู่ในที่ร่มและระบายอากาศได้ดี พร้อมยกขึ้นสูงเหนือพื้นกว่าปกติ เพื่อทำให้อากาศสามารถไหลเวียนผ่านคอมเพรสเซอร์ได้ง่ายขึ้น จึงเกิดการถ่ายเทที่ดี การทำงานของแอร์จะมีประสิทธิภาพและไม่ก่อให้เกิดปัญหากินไฟแน่นอน

4.หยุดการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าบางชนิด

ไม่ควรนำเครื่องใช้ไฟฟ้าใดๆ ที่ก่อให้เกิดความร้อนเข้ามาใช้งานภายในห้องที่เปิดแอร์ เพราะจะยิ่งทำให้การทำงานของแอร์เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะเตารีด, กระทะไฟฟ้า, หม้อต้มน้ำร้อน, หม้อหุงข้าว และเครื่องพ่นไอน้ำต่างๆ เป็นต้น ซึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านี้จะผลิตความร้อนออกมาสูง ทำให้อากาศภายในห้องเพิ่มสูงตามไปด้วย เมื่อเซ็นเซอร์แอร์ตรวจพบความร้อน จึงเร่งให้เครื่องทำงานหนักขึ้นกว่าเดิมเพื่อทำความเย็น จึงกลายเป็นการทำงานที่หนักขึ้นและกินไฟมากกว่าเดิมไปหลายเท่าตัว ทางที่ดีควรปิดแอร์เมื่อต้องใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านี้ แล้วใช้เป็นการเปิดหน้าต่าง เพื่อระบายอากาศแทน หรือนำไปใช้ในบริเวณอื่นจะดีที่สุด

5.ไม่เพิ่มความชื้น

หลักการทำงานสำคัญของแอร์ที่นอกเหนือจากการให้ความเย็น คือการทำให้อากาศภายในห้องแห้งลง แต่ถ้าห้องคอนโดเต็มไปด้วยความชื้น ย่อมต้องทำให้แอร์ทำงานหนักมากขึ้น โดยความชื้นที่สามารถเกิดขึ้นได้สูง จะมาจากการปลูกต้นไม้, การตากผ้า หรือการเปิดประตูห้องน้ำทิ้งไว้ ปัจจัยเหล่านี้สามารถปล่อยความชื้นออกมาได้เป็นจำนวนมาก ดังนั้น จึงควรเลือกปลูกเป็นต้นไม้ฟอกอากาศ หรือต้นไม้ที่สามารถดูดซับความชื้นไว้กับต้นแต่ไม่ปล่อยออกมา พร้อมการปิดประตูห้องน้ำให้เรียบร้อย และการนำผ้าออกไปตากภายนอก เพื่อลดความชื้นภายในห้องให้ได้มากที่สุด ไม่เช่นนั้นนอกจากจะเปลืองไฟมากกว่าเดิมแล้ว อาจจะทำให้แอร์เสียเร็วขึ้นอีกด้วย

6.ล้างแอร์สม่ำเสมอ

การล้างแอร์เป็นหนึ่งในเรื่องสำคัญที่ควรทำเป็นประจำทุก 6 เดือน ไม่ว่าจะเป็นแอร์ใหม่หรือแอร์ใช้งานมานานแล้ว ควรมีระยะเวลาของการล้างแอร์ที่สม่ำเสมอและเป็นประจำ เพื่อทำให้แอร์สามารถทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ให้การประหยัดไฟที่ดี นอกจากนี้ ถ้าคุณต้องอยู่ในจุดที่มีมลภาวะสูง อยู่ติดกับถนนใหญ่ หรืออยู่ใกล้กับสถานที่ก่อสร้าง ควรจะต้องมีการล้างแอร์ทุก 2-3 เดือนเป็นขั้นต่ำ เพราะฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกต่างๆ อาจจะเข้าไปฝังกับแอร์ได้ง่ายและมีจำนวนมากขึ้น

 

logoline