svasdssvasds
เนชั่นทีวี

รักษ์โลก

Global Warming : เมื่ออุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นจะเกิดอะไรตามมา?

19 มีนาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เมื่ออุณหภูมิร่างกายเพิ่มขึ้น 1-2 องศา เราอาจชี้ว่ากำลังป่วย แล้วถ้าโลกร้อนขึ้นจะแปลได้ว่าอย่างไร? เปิดผลกระทบจากการที่โลกมีอุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้น 1-6 องศา พร้อมแนวทางร่วมกันแก้ก่อนสาย

โดยปกติอุณหภูมิร่างกายของคนเราจะอยู่ที่ 35.4 – 37.4 องศาเซลเซียส ซึ่งถ้ามากกว่านี้ เช่น 37.5 – 38.4 องศาเซลเซียส นั่นหมายถึงว่า "มีไข้ต่ำ"  38.5 – 39.4 องศาเซลเซียส หมายถึง "ไข้สูง"  และมากกว่า 40 องศาเซลเซียสขึ้นไป หมายถึง "ไข้สูงมาก" จนต้องระวังอาการชักและควรรีบไปพบแพทย์ แล้วถ้าโลกมีอุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นบ้างล่ะ เราจะไปพบใคร?

Global Warming : เมื่ออุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นจะเกิดอะไรตามมา?

หลายคนอาจจะมองว่าโลกร้อนขึ้นเพียงแค่ 1 องศาคงไม่เป็นไรหรอก แต่อย่าลืมว่าโลกก็เหมือนร่างกายคนเรานั่นแหละ เมื่อมีส่วนหนึ่งส่วนใดเสียหายก็ย่อมทำให้เกิดสภาวะร้ายแรงอื่น ๆ ตามมา ซึ่งในรายงานเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลก พบว่าภายในปี 2100 ระดับน้ำทะเลจะเพิ่มสูงขึ้นกว่า 2 เมตร หากอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงขึ้น 5 องศาเซลเซียส อาจจะส่งผลให้ที่ดินกว่า 1.79 ล้านตารางกิโลเมตรได้รับความเสียหาย  ประชากรโลกกว่า 187 ล้านคนไร้ที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะดินแดนและประเทศในแถบมหาสมุทรแปซิฟิก

ตัวเลขอุณหภูมิโลกที่เพิ่มขึ้น 1–2 องศาเซลเซียส ไม่ใช่เรื่องที่มนุษย์ควรเพิกเฉย แต่ยิ่งทำให้ต้องตื่นตัวมากขึ้น เพราะนี่คือสัญญาณความเปลี่ยนแปลง ซึ่งถ้าเราไม่แก้ปัญหาตั้งแต่ตอนนี้จะไม่สามารถหยุดยั้งภาวะโลกร้อนได้อีกต่อไป

Global Warming : เมื่ออุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นจะเกิดอะไรตามมา?

ภาวะโลกร้อน

คำว่า ภาวะโลกร้อน หรือ Global Warming เป็นคำจำเพาะคำหนึ่งของอุบัติการณ์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของโลก โดยที่ "การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ" มีความหมายถึงการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิในทุกช่วงเวลาของโลก รวมทั้งเหตุการณ์ปรากฏการณ์โลกเย็นด้วย โดยทั่วไป คำว่า "ภาวะโลกร้อน" จะใช้ในการอ้างถึงสภาวะที่อุณหภูมิของโลกร้อนขึ้นในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา และมีความเกี่ยวข้องกระทบต่อมนุษย์ ในอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (United Nations Framework Convention on Climate Change: UNFCCC) ใช้คำว่า “การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ” (Climate Change) สำหรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ และใช้คำว่า "การผันแปรของภูมิอากาศ" (Climate Variability) สำหรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากเหตุอื่น ส่วนคำว่า “ภาวะโลกร้อนจากกิจกรรมมนุษย์” (anthropogenic global warming) มีที่ใช้ในบางคราวเพื่อเน้นถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากเหตุอันเนื่องมาจากมนุษย์


ภาวะโลกร้อน จึงหมายถึงการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของอากาศใกล้พื้นผิวโลกและน้ำในมหาสมุทร ตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของคริสต์ศตวรรษที่ 20 และมีการคาดการณ์ว่าอุณหภูมิเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา นับถึง พ.ศ. 2548 อากาศใกล้ผิวดินทั่วโลกโดยเฉลี่ยมีค่าสูงขึ้น 0.74 ± 0.18 องศาเซลเซียส ซึ่งคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Intergovernmental Panel on Climate Change: IPCC) ของสหประชาชาติได้สรุปไว้ว่า

“จากการสังเกตการณ์การเพิ่มอุณหภูมิโดยเฉลี่ยของโลกที่เกิดขึ้นตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 20 (ประมาณตั้งแต่ พ.ศ. 2490) ค่อนข้างแน่ชัดว่าเกิดจากการเพิ่มความเข้มของก๊าซเรือนกระจกที่เกิดขึ้นโดยกิจกรรมของมนุษย์ที่เป็นผลในรูปของปรากฏการณ์เรือนกระจก” 

ปรากฏการณ์ธรรมชาติบางอย่าง เช่น ความผันแปรของการแผ่รังสีจากดวงอาทิตย์และการระเบิดของภูเขาไฟ อาจส่งผลเพียงเล็กน้อยต่อการเพิ่มอุณหภูมิในช่วงก่อนยุคอุตสาหกรรมจนถึง พ.ศ. 2490 และมีผลเพียงเล็กน้อยต่อการลดอุณหภูมิหลังจากปี 2490 เป็นต้นมา ข้อสรุปพื้นฐานดังกล่าวนี้ได้รับการรับรองโดยสมาคมและสถาบันการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ไม่น้อยกว่า 30 แห่ง รวมทั้งราชสมาคมทางวิทยาศาสตร์ระดับชาติที่สำคัญของประเทศอุตสาหกรรมต่าง ๆ แม้นักวิทยาศาสตร์บางคนจะมีความเห็นโต้แย้งกับข้อสรุปของ IPCC อยู่บ้าง แต่เสียงส่วนใหญ่ของนักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานด้านการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศของโลกโดยตรงเห็นด้วยกับข้อสรุปนี้ 

แบบจำลองการคาดคะเนภูมิอากาศที่สรุปโดย IPCC บ่งชี้ว่าอุณหภูมิโลกโดยเฉลี่ยที่ผิวโลกจะเพิ่มขึ้น 1.1 ถึง 6.4 องศาเซลเซียส ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 21 (พ.ศ. 2544–2643) ค่าตัวเลขดังกล่าวได้มาจากการจำลองสถานการณ์แบบต่าง ๆ ของการแผ่ขยายแก๊สเรือนกระจกในอนาคต รวมถึงการจำลองค่าความไวภูมิอากาศอีกหลากหลายรูปแบบ แม้การศึกษาเกือบทั้งหมดจะมุ่งไปที่ช่วงเวลาถึงเพียงปี พ.ศ. 2643 แต่ความร้อนจะยังคงเพิ่มขึ้นและระดับน้ำทะเลก็จะสูงขึ้นต่อเนื่องไปอีกหลายสหัสวรรษ แม้ว่าระดับของแก๊สเรือนกระจกจะเข้าสู่ภาวะเสถียรแล้วก็ตาม การที่อุณหภูมิและระดับน้ำทะเลเข้าสู่สภาวะดุลยภาพได้ช้าเป็นเหตุมาจากความจุความร้อนของน้ำในมหาสมุทรซึ่งมีค่าสูงมาก

การที่อุณหภูมิของโลกเพิ่มสูงขึ้นทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น และคาดว่าทำให้เกิดภาวะลมฟ้าอากาศสุดโต่ง (extreme weather) ที่รุนแรงมากขึ้น ปริมาณและรูปแบบการเกิดหยาดน้ำฟ้าจะเปลี่ยนแปลงไป ผลกระทบอื่น ๆ ของภาวะโลกร้อนได้แก่ การเปลี่ยนแปลงของผลิตผลทางเกษตร การเคลื่อนถอยของธารน้ำแข็ง การสูญพันธุ์พืช-สัตว์ต่าง ๆ รวมทั้งการกลายพันธุ์และแพร่ขยายโรคต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น

แต่ยังคงมีความไม่แน่นอนทางวิทยาศาสตร์อยู่บ้าง ได้แก่ปริมาณของความร้อนที่คาดว่าจะเพิ่มในอนาคต ผลของความร้อนที่เพิ่มขึ้นและผลกระทบอื่น ๆ ที่จะเกิดกับแต่ละภูมิภาคบนโลกว่าจะแตกต่างกันอย่างไร รัฐบาลของประเทศต่าง ๆ แทบทุกประเทศได้ลงนามและให้สัตยาบันในพิธีสารเกียวโต ซึ่งมุ่งประเด็นไปที่การลดการปล่อยแก๊สเรือนกระจก แต่ยังคงมีการโต้เถียงกันทางการเมืองและการโต้วาทีสาธารณะไปทั่วทั้งโลกเกี่ยวกับมาตรการว่าควรเป็นอย่างไร จึงจะลดหรือย้อนกลับความร้อนที่เพิ่มขึ้นของโลกในอนาคต หรือจะปรับตัวกันอย่างไรต่อผลกระทบของภาวะโลกร้อนที่คาดว่าจะต้องเกิดขึ้น


Global Warming : เมื่ออุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นจะเกิดอะไรตามมา?

ในหนังสือ Six Degrees 6 องศาโลกาวินาศ ที่เขียนโดย Mark Lynas อธิบายเรื่องนี้ชัดเจน ซึ่งพอสรุปออกมาได้ว่า

Global Warming : เมื่ออุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นจะเกิดอะไรตามมา?

อุณหภูมิเพิ่มขึ้น 1 องศาเซลเซียส

  • ขั้วโลกเหนือจะไม่มีหิมะปกคลุมเป็นระยะเวลาครึ่งปี ทำให้เส้นทางเดินเรือ Northwest Passage สามารถใช้งานได้นานขึ้น การขนส่งสินค้าจากยุโรปมายังเอเชียตะวันตกทำได้สะดวกขึ้น, โครงการคอคอดกระ (ถ้ามี) จะประสบกับภาวะขาดทุน
  • จะเกิดภาวะแห้งแล้งรุนแรงทางฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ ผลผลิตจะลดลง ขาดแคลนอาหาร เกิดทะเลทรายใหม่ ๆ ในอดีต ฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ เป็นทะเลทรายขนาดใหญ่ แต่การเปลี่ยนแปลงวงโคจรของโลกเพียงเล็กน้อย ทำให้อากาศอบอุ่นขึ้น เกิดการสะสมชั้นดินบาง ๆ จนกลายเป็นทุ่งเลี้ยงสัตว์ที่ดีที่สุดของสหรัฐฯ ในยุคปัจจุบัน แต่ถ้าอุณหภูมิสูงขึ้น ความชื้นในดินจะลดลง หน้าดินก็จะแห้ง และถูกลมพัดหายไป กลับกลายเป็นทะเลทรายอีกครั้ง
  • ประเทศอังกฤษจะสามารถปลูกองุ่นและผลิตไวน์ได้ดีขึ้น ในขณะที่ผลผลิตองุ่นของฝรั่งเศสจะมีคุณภาพต่ำลง อุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นจะทำให้แนวสภาพภูมิอากาศที่เหมาะสมกับการปลูกองุ่นเลื่อนขึ้นไปทางทิศเหนือมากขึ้น ปัจจุบันนี้ อังกฤษมีไรไวน์มากกว่า 400 แห่ง และตอนนี้ก็เริ่มมีการทดลองปลูกต้นมะกอกในอังกฤษแล้วด้วย

 

อุณหภูมิเพิ่มขึ้น 2 องศาเซลเซียส

  • น้ำแข็งบนกรีนแลนด์ ซึ่งธรรมชาติใช้เวลาสะสมมานานกว่า 150,000 ปี จะหายไป ระดับน้ำทะเลจะเพิ่มสูงขึ้น ปัจจุบันสุนัขลากเลื่อนที่กรีนแลนด์ถูกทอดทิ้งให้อดตายจำนวนมาก เพราะว่าหิมะบางลงจนไม่มีงานให้มันทำ
  • แมลงแปลก ๆ จะเคลื่อนย้ายไปยังถิ่นที่อยู่อาศัยใหม่ ๆ โดยเคลื่อนตัวไปยังเขตทิศเหนือที่เคยหนาวเย็นมากขึ้น แมลงที่มาใหม่สามารถสร้างความเสียหายแก่ต้นไม้ ซึ่งเป็นแหล่งอาหารของสัตว์ในท้องถิ่นเดิมอย่างราบคาบ
  • เมื่อสุนัขลากเลื่อนและหมีขั้วโลกเหลือเพียงตำนาน ที่ราบทุนดราก็จะกลายเป็นแหล่งป่าไม้ใหม่
  • โลกจะสูญเสียแนวปะการังไปเกือบทั้งหมด เนื่องจากปรากฏการณ์ฟอกขาว  สัตว์น้ำลดความอุดมสมบูรณ์ลงมาก มหาสมุทรซึ่งถือเป็นอ่างรับคาร์บอนที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นด่านแรกของกลไกขับคาร์บอนไดออกไซด์จากอากาศ โดยปรกติแล้วสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ หลายชนิดจะดูดซับเอาคาร์บอนในน้ำทะเล เพื่อนำไปใช้สร้างกระดูกหรือเปลือก แต่คาร์บอนไดออกไซด์ที่มากเกินไปจะทำให้น้ำทะเลเป็นกรดมากขึ้น และไปขัดขวางกระบวนการดูดคาร์บอน

 

อุณหภูมิเพิ่มขึ้น 3 องศาเซลเซียส

  • เป็นจุดที่นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่าเราจะไม่สามารถย้อนกลับหรือหยุดยั้งกระบวนการโลกร้อนได้อีกต่อไป
  • จะไม่มีน้ำแข็งในหน้าร้อนอีกต่อไป ป่าฝนอะเมซอนจะมีสภาพแห้งแล้ง ยอดเขาแอลป์ไม่เหลือชั้นน้ำแข็ง
  • โลกเหมือนย้อนกลับไปสู่โลกในยุคพาลีโอซีน (Paleocene)
  • คลื่นความร้อนเกิดขึ้นทั่วทวีปยุโรปจนกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดา เหมือนอาศัยอยู่ในตะวันออกกลาง (เหมือนเหตุการณ์คลื่นความร้อนที่เคยเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 2003 ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั่วยุโรปสูงถึง 3 หมิ่นคน)
  • กระบวนการสังเคราะห์แสงจะหยุดชะงักลง พืชเก็บออกชิเจนไว้และปล่อยคาร์บอนไดออกไชด์สู่บรรยากาศแทน

 

อุณหภูมิเพิ่มขึ้น 4 องศาเซลเซียส

  • เมืองตามปากแม่น้ำจะจมทะเลถาวร, จะไม่เหลือธารน้ำแข็งบนภูเขาหิมาลัยอีกต่อไป แม่น้ำคงคาจะหายไปจากแผนที่โลก
  • ทิศเหนือของแคนาตาจะเป็นทุ่งหญ้าสีเขียว, ชายหาดแถบสแกนดิเนเวียจะกลายเป็นที่พักร้อนแห่งใหม่ของยุโรป
  • ธารน้ำแข็งด้านทิศตะวันตกของขั้วโลกใต้จะละลายไปจนหมดสิ้น เหลือเพียงทุ่งน้ำแข็งในบริเวณใจกลางทวีป

Global Warming : เมื่ออุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นจะเกิดอะไรตามมา?

อุณหภูมิเพิ่มขึ้น 5 องศาเซลเซียส

  • หิมะและน้ำในชั้นหินที่คอยหล่อเลี้ยงเมืองใหญ่จะเหือดแห้ง, จะเกิดพื้นที่ที่มนุษย์อยู่อาศัยไม่ได้ในเขตอบอุ่นเดิม
  • ระบบสังคมจะล่มสลาย, คนจนจะถูกทอดทิ้ง จะเกิดการอพยพเคลื่อนย้ายถิ่นฐาน โดยมีสาเหตุจากการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ
  • จะเกิดการต่อสู้แย่งชิงทรัพยากรที่เหลืออย่างรุนแรงระหว่างชนชั้น เหมือนที่เห็นในการ์ตูนหรือภาพยนตร์

 

อุณหภูมิเพิ่มขึ้น 6 องศาเซลเซียส

  • มหาสมุทรจะกลายเป็นสุสานแห่งความตาย ไม่สามารถใช้ประโยชน์อะไรได้, ทะเลทรายจะเกิดครอบคลุมพื้นที่ทั้งทวีป
  • ภัยพิบัติทางธรรมชาติจะกลายเป็นเรื่องปรกติที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ กรมอุตุฯ กลายเป็นหน่วยงานที่โลกลืม
  • มนุษย์จะสูญสิ้นเผ่าพันธุ์ไปและเกิดเผ่าพันธุ์ใหม่ครอบครองโลกนี้แทนในระหว่างที่โลกกำลังปรับคืนสู่จุดสมดุล

เราจะหยุดสภาวะโลกร้อนได้หรือไม่

Global Warming : เมื่ออุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นจะเกิดอะไรตามมา?

เป็นที่ทราบกันดีว่าสภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นสาเหตุใหญ่คือ มนุษย์ ซึ่งเป็นผู้เพิ่มปริมาณก๊าซเรือนกระจกมากจนเกินไป หากเป็นสภาวะที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ โลกจะกลับมาสู่สภาวะที่สมดุลได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้น ส่วนที่มนุษย์เป็นผู้กระทำ มนุษย์ก็สามารถแก้ปัญหานั้นได้ ถึงแม้ว่าการที่โลกจะกลับมาสูสภาวะสมดุลได้จะต้องใช้เวลานานก็ตาม แต่เราก็สามารถบรรเทาผลที่จะเกิดขึ้นในอนาคตให้มีความรุนแรงลดน้อยลงได้ เพื่อไม่ให้ประชากรโลกรวมทั้งประเทศไทยได้รับผลกระทบที่รุนแรงจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ จึงควรให้ความร่วมมือในการรักษาสมดุลทางธรรมชาติให้คงอยู่ตราบนานเท่านาน ตามมาตรการดังนี้

  1. ร่วมกันใช้ก๊าซธรรมชาติ หรือพลังงานสะอาด แทนการใช้ถ่านหินและน้ำมันในกระบวนการผลิตและการขนส่ง เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์ให้น้อยลง
  2. ใช้พลังงานทดแทน เช่น จากแสงอาทิตย์ ลม ชีวมวล (สารอินทรีย์ที่ได้จากพืชและสัตว์)
  3. รักษาป่าที่มีอยู่ให้คงอยู่ต่อไป ฟื้นฟูสภาพป่าที่เสื่อมโทรม ปลูกป่าเพิ่มเดิม
  4. ศึกษาและปรับปรุงวิธีการใช้ปุ๋ยให้เหมาะสมกับชนิดของพืช
  5. ใช้ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในภาคธุรกิจ อุดสาหกรรม และครัวเรือน
  6. เพิ่มประสิทธิภาพในด้านการคมนาคม ซึ่งอาจทำได้โดยการใช้เทคในโลยีสมัยใหม่ทดแทนเชื้อเพลิง หรือปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ เป็นต้น
  7. การผลิตน้ำมันไบโอดีเซลเพื่อใช้เป็นพลังาน เป็นวิธีที่มีศักยภาพ โดยแหล่งของพลังงานทคแทนที่มีอยู่ในประเทศไทย คือวัดถุดิบจากการเกษตร ได้แก่ ปาล์มน้ำมัน และสบู่ดำ ไบโอดีเซล เป็นต้น

 

logoline