เคอิโกะ ฟูจิโมริ บุตรสาวของอดีตประธานาธิบดีอัลแบร์โต ฟูจิโมริ โพสต์ใน X เมื่อคืนวันพุธว่า หลังจากต่อสู้กับโรคมะเร็งมาอย่างยาวนาน บิดาได้จากโลกนี้ไปพบกับพระเจ้าแล้ว และขอให้คนที่รักเขา ร่วมสวดอธิษฐานให้วิญญาณสุขสงบนิรันดร์
หลังจากผู้สนับสนุนทราบข่าวนี้ ก็ทยอยมารวมตัวนอกบ้านพักเพื่อร่วมไว้อาลัยให้กับอดีตประธานาธิบดี ที่ปกครองเปรูระหว่างปี 2533-2543
เขาเป็นผู้นำที่ได้รับการยกย่องจากการทำให้เปรูฟื้นตัวจากภาวะใกล้ล้มละลายทางเศรษฐกิจ และสามารถกวาดล้างกลุ่มก่อการร้ายที่ทำลายเสถียรภาพของประเทศ แต่เขาก็ถูกมองว่าเป็นผู้นำเผด็จการ ที่ใช้กำลังปราบปรามฝ่ายตรงข้าม และต่อมาถูกลงโทษจำคุกในคดีละเมิดสิทธิมนุษยชน
ฟูจิโมริ ซึ่งเป็นบุตรชายของผู้อพยพชาวญี่ปุ่น ศึกษาที่มหาวิทยาลัยเกษตรในกรุงลิมาของเปรู ก่อนเดินทางไปศึกษาต่อที่สหรัฐฯ และฝรั่งเศส และเมื่อกลับเปรูอีกครั้ง เขาเป็นพิธีกรรายการโทรทัศน์ที่เน้นเรื่องสิ่งแวดล้อม ก่อนลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2532 และชนะการเลือกตั้ง
แต่เขาเผชิญความท้าทายจากวิกฤตเศรษฐกิจ ทำให้ต้องดำเนินนโยบายรัดเข็มขัด ที่ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อพุ่งสูงมากได้ นอกจากนี้เขายังสามารถกำจัดกลุ่มกบฏนิยมลัทธิเหมา “ไชนิง พาธ” ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มกองโจรที่มีอายุยาวนานที่สุดในละตินอเมริกา
เขาได้รับเลือกตั้งสมัยที่ 3 อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในปี 2543 แต่ต่อมารัฐสภามีมติปลดฟูจิโมริออกจากตำแหน่งด้วยเหตุผลว่าขาดจริยธรรม หลังจากหัวหน้าฝ่ายข่าวกรองผู้ใกล้ชิดถูกตัดสินว่ามีความผิดข้อหายักยอกทรัพย์และใช้อำนาจในทางมิชอบ ที่ทำให้เขาถูกมองว่าอาจมีส่วนรู้เห็น
ต่อมาเขาเผชิญการดำเนินคดีอาญาหลายคดี และเคยหนีออกนอกประเทศ ก่อนถูกจับกุมและส่งตัวกลับประเทศ รวมทั้งถูกตัดสินว่ามีความผิดทั้งในคดีคอร์รัปชัน ใช้อำนาจในทางมิชอบ และอยู่เบื้องหลังการสังหารหมู่ และต้องโทษจำคุก 25 ปี ในคดีสั่งให้หน่วยสังหารปฏิบัติการเข่นฆ่าพลเรือน 25 ราย
เขาได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว หลังจากศาลฎีกามีคำตัดสินให้บังคับใช้ประกาศอภัยโทษของประธานาธิบดีที่ออกมาในปี 2560 ด้วยเหตุผลด้านสุขภาพ แต่ถูกระงับไว้เนื่องจากแรงกดดันในขณะนั้น และบุตรสาวเปิดเผยเมื่อเดือนกรกฎาคมว่า เขามีแผนลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 4 ในปี 2569