เฮติตกอยู่ในภาวะสุญญากาศทางการเมืองมานานกว่า 2 สัปดาห์แล้ว หลังจากนายกรัฐมนตรีประกาศลาออกตามแรงกดดันของแก๊งอาชญากร ที่ยึดครองพื้นที่เกือบ 80% ของกรุงปอร์โตแปรงซ์ เมืองหลวง และก่อความรุนแรงทั่วเมืองตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ในขณะที่การจัดตั้งคณะบริหารชุดเปลี่ยนผ่านยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง
หนึ่งในปัญหาท้าทายของคณะบริหารชุดใหม่ คือ การลักลอบค้าอาวุธปืนผิดกฎหมาย ที่ทำให้แก๊งมาเฟียมีอาวุธใช้ก่อเหตุรุนแรงได้อย่างเหิมเกริม
รายงานของสหประชาชาติที่เผยแพร่ในเดือนมกราคม พบว่า ปืนทุกชนิดไหลทะลักเข้าสู่กรุงปอร์โตแปรงซ์ ไม่ว่าจะเป็นปืนไรเฟิล อย่าง เอเค-47 ปืนพกสั้น 9 มม. ปืนสไนเปอร์ และปืนกล แม้ไม่มีตัวเลขชัดเจน แต่รายงาน ประเมินว่า จนถึงปี 2563 มีปืนทั้งที่ถูกกฎหมายและผิดกฎหมายราว 500,000 กระบอกในเฮติ
ปืนและกระสุนถูกลักลอบนำเข้าประเทศผ่านทั้งทางบก อากาศ และทะเลจากหลายรัฐของสหรัฐฯ เช่น ฟลอริดา เท็กซัส และจอร์เจีย และมีการยึดอาวุธเหล่านี้ได้จากท่าเรือหลักในกรุงปอร์โตแปรงซ์ และอีกบางเมือง อาวุธถูกซุกซ่อนไว้ในคอนเทนเนอร์ปะปนกับสิ่งของบริจาคพวกของเล่นและเสื้อผ้า
รายงาน ระบุว่า ปืนสั้นขายอยู่ที่ราว 400-500 ดอลลาร์ในสหรัฐฯ สามารถขายได้ราคาสูงถึง 10,000 ดอลลาร์ในเฮติ ขึ้นอยู่กับความต้องการ
อุปสรรคในการปราบปรามการลักลอบค้าปืนในเฮติมีหลายปัจจัย จากการขาดหน่วยงานรัฐที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ คอร์รัปชันในวงกว้าง และความสัมพันธ์ระหว่างแก๊งอาชญากร นักการเมืองและนักธุรกิจ
สหรัฐฯ ตระหนักถึงปัญหาปืนและแก๊งอาชญากรในเฮติดี และในปีที่แล้วกระทรวงต่างประเทศ เผยว่า มีแผนจะช่วยจัดตั้งหน่วยตำรวจในเฮติเพื่อปราบปรามการลักลอบนำเข้าอาวุธ
แต่ในขณะที่เฮติไม่มีทั้งประธานาธิบดี หลังจากการลอบสังหารประธานาธิบดีโฌโวแนล โมอีส เมื่อปี 2564 และการลาออกของนายกรัฐมนตรีอาเรียล อองรี ทำให้ประชาชนต้องเผชิญวิบากกรรมจากความรุนแรงด้วยปืนผิดกฎหมายด้วยความหวาดผวา และปรากฏภาพประชาชนวิ่งหลบกระสุนบนท้องถนนอยู่ในขณะนี้
ชายคนหนึ่ง บอกว่า “ปืนทั้งหมดที่นี่มาจากสหรัฐฯ ทุกคนรู้ดี หากสหรัฐฯ ต้องการหยุดมัน พวกเขาก็ทำได้ง่ายดายภายในเดือนเดียว” และ “เราขอร้องให้สหรัฐฯ ให้โอกาสพวกเราได้มีชีวิตอยู่”