คณะกรรมการการเลือกตั้งของอินเดีย ประกาศเมื่อวันเสาร์ (16 มีนาคม) ว่า การเลือกตั้งทั่วไปครั้งนี้จะมีผู้มีสิทธิเลือกตั้งมากถึงเกือบ 970 ล้านคน จากประชากรกว่า 1,400 ล้านคน และจะแบ่งจัดเป็น 7 ช่วง เริ่มตั้งแต่วันที่ 19 เมษายน และครั้งสุดท้ายจัดในวันที่ 1 มิถุนายน การเลือกตั้งจะจัดขึ้นในหน่วยเลือกตั้งมากกว่า 1 ล้าน แห่งทั่วประเทศ โดยมีเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยรวมถึง 15 ล้านคน
ประชาชนจะใช้สิทธิเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ โลกสภา จำนวน 543 ที่นั่ง จากทั้งหมด 545 ที่นั่ง โดยอีก 2 ที่นั่งจะได้รับการเสนอชื่อจากประธานสภา และผลคะแนนทั้งหมดจาก 28 รัฐ และ 8 ดินแดนสหภาพ จะประกาศได้ในวันที่ 4 มิถุนายน
จำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งของอินเดียมากกว่าประชากรทั้งหมดของสหรัฐฯ สหภาพยุโรป และรัสเซียรวมกัน จึงถือว่าเป็นการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยครั้งใหญ่ที่สุดในโลก
พรรคภารตียชนตา หรือ BJP ของนายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี มีแนวโน้มชัดเจนว่า จะชนะเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 5 และจะทำให้โมดีดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีติดต่อกันเป็นสมัยที่ 3 อย่างที่ไม่ค่อยปรากฏนักในการเมืองของอินเดีย ที่มีการแบ่งขั้วทางศาสนาอย่างเด่นชัดมากขึ้นเรื่อย ๆ
ชัยชนะครั้งนี้จะทำให้โมดี วัย 73 ปี เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 2 ต่อจาก ชวาหะร์ลาล เนห์รู นายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศ ที่ดำรงตำแหน่ง 3 สมัยติดต่อกัน
โมดีโพสต์ใน X ด้วยว่า “ผมมั่นใจว่า เราจะได้รับความรักอย่างเต็มเปี่ยมจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งกว่า 960 ล้านคน เป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน
เขาตั้งเป้าว่า BJP จะสามารถคว้าที่นั่ง สส. มากถึง 370 ที่นั่ง และพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติ (NDA) ที่มี BJP เป็นแกนนำจะคว้าที่นั่งรวมกัน 400 ที่นั่ง
ในปี 2562 พรรค BJP ซึ่งเป็นพรรคชาตินิยมฮินดู ได้รับเลือกตั้ง 303 ที่นั่ง ซึ่งมากที่สุดนับตั้งแต่พรรคก่อตั้งขึ้นในปี 2523
โมดีและพรรค BJP เริ่มหาเสียงมาหลายเดือนแล้ว โดยนายกรัฐมนตรีบินไปทั่วประเทศเกือบทุกวัน เพื่อเปิดโครงการใหม่ ๆ เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนา และปราศรัยต่อประชาชน โดยชูผลงานการเติบโตทางเศรษฐกิจ ที่รวดเร็วที่สุดในโลก การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ และสวัสดิการสำหรับคนยากจน