รัฐบาลเฮติประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเมื่อวันอาทิตย์ (3 มีนาคม) โดยจะมีผลบังคับใช้ทั้งในและรอบนอกกรุงปอร์โตแปรงซ์ เมืองหลวง นาน 72 ชั่วโมง และประกาศเคอร์ฟิว ที่ห้ามประชาชนออกนอกเคหะสถานในเวลา 18.00 น. -5.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น
การประกาศมาตรการดังกล่าวมีขึ้นหลังจากกลุ่มติดอาวุธ ที่ต้องการกดดันให้นายกรัฐมนตรีอารีแยล อองรี ที่อยู่ระหว่างเยือนต่างประเทศ ลาออกจากตำแหน่ง ก่อเหตุบุกเรือนจำที่ใหญ่ที่สุด 2 แห่งในกรุงปอร์โตแปรงซ์เมื่อวันเสาร์
ตำรวจพยายามเข้าควบคุมสถานการณ์ และต้องขอกำลังเสริมจากกองทัพ การปะทะดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 12 ราย และเจ้าหน้าที่เรือนจำ และนักโทษบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง นอกจากนี้นักโทษรวมประมาณ 3,500 คน หลบหนีออกจากเรือนจำทั้งสองแห่ง ที่มีนักโทษรวมกัน 3,687 คน แต่ยังมีนักโทษรวมประมาณ 100 คน ที่ยังอยู่ในเรือนจำ และในบรรดานักโทษที่ไม่หลบหนี มีอดีตทหารโคลัมเบีย 18 นาย ที่ถูกกล่าวหาว่า ร่วมก่อเหตุลอบสังหารประธานาธิบดีฌอเวอเนล มออีซ ของเฮติรวมอยู่ด้วย
เฮติเผชิญความตึงเครียดและเหตุรุนแรงในช่วงหลายวันที่ผ่านมา หลังจากจิมมี เชริซิริเยร์ อดีตตำรวจ และหัวหน้าแก๊งติดอาวุธ ปลุกระดมแก๊งอาชญากรรมรวมพลังกันโค่นล้มนายกรัฐมนตรีอองรีพ้นจากตำแหน่ง ขณะที่นายอองรีเดินทางไปเยือนเคนยาตั้งแต่วันพฤหัสบดี (29 กุมภาพันธ์) เพื่อหารือขอกำลังตำรวจจากเคนยาเพื่อสนับสนุนการปราบปรามแก๊งติดอาวุธภายในประเทศ เหตุรุนแรงทำให้ประชาชนหลายพันคนพยายามอพยพออกจากกรุงปอร์โตแปรงซ์
อองรีเข้าบริหารประเทศในปี 2564 นับตั้งแต่ประธานาธิบดีมออีซ ถูกลอบสังหาร และเคยให้สัญญาว่าจะก้าวลงจากตำแหน่งภายในต้นดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ แต่เมื่อไม่กี่วันมานี้เขาเผยว่าจะจัดการเลือกตั้งภายในเดือนสิงหาคมปี 2568 ก็ต่อเมื่อสามารถปราบปรามความรุนแรงจากแก๊งอาชญากรรม เพื่อให้สถานการณ์มีเสถียรภาพ และสามารถจัดการเลือกตั้งที่เสรีและยุติธรรมได้
ปัจจุบันแก๊งติดอาวุธหลายกลุ่มสามารถควบคุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของกรุงปอร์โตแปรงซ์ และสหประชาชาติ ประเมินว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5,000 รายจากความรุนแรงในปีที่แล้ว และประชาชนราว 300,000 คน ต้องอพยพออกจากบ้านเรือน