นักเคลื่อนไหวรณรงค์ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาเพื่อส่งสารถึงไบเดนว่า “ไม่มีหยุดยิง ไม่มีคะแนนเสียง” และรณรงค์ให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเดโมแครตในมิชิแกนกาเครื่องหมายในช่อง uncommitted” หรือ "ไม่เลือกผู้สมัครคนใด"
ผลปรากฏว่า จากคะแนนเสียงที่นับแล้วเกือบครึ่งหนึ่ง พบว่า มีผู้ใช้สิทธิเลือกโหวต “uncommitted” เกิน 100,000 เสียง
รัฐมิชิแกนเป็น swing state หรือ รัฐที่ไม่ใช่ฐานเสียงของพรรคใด และมีความสำคัญในฐานะรัฐชี้ขาดผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2016 และ 2020 นอกจากนี้ยังเป็นรัฐที่มีชาวอเมริกันเชื้อสายอาหรับมากที่สุดในประเทศอีกด้วย โดยมีผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวมุสลิมและอเมริกันเชื้อสายอาหรับมากกว่า 300,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่เลือกไบเดนในการเลือกตั้งเมื่อปี 2020 และเขาชนะทรัมป์ในรัฐนี้ด้วยคะแนนเสียงเกือบ 154,000 เสียง
แต่นโยบายของไบเดนที่ให้การสนับสนุนปฏิบัติการทหารของอิสราเอลในฉนวนกาซา ที่ทำให้ชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตเกือบ 30,000 ราย กำลังทำให้เขาสูญเสียคะแนนนิยมจากกลุ่มชาวมุสลิมและอาหรับ และน่าสนใจว่า แนวโน้มการโหวต uncommitted จะเกิดในการเลือกตั้งขั้นต้นในรัฐอื่น ๆ อีกหรือไม่ รวมไปถึงในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายน โดยผลคะแนนในมิชิแกนอาจยิ่งกระตุ้นความพยายามประท้วงในทำนองเดียวกันในอีกบางรัฐ เช่น มินนิโซตา, เพนซิลเวเนีย และจอร์เจีย
ผลคะแนน uncommitted เป็นสัญญาณเตือน ที่หวังเพิ่มแรงกดดันให้ไบเดนเปลี่ยนทิศทางนโยบายต่อสงครามในกาซา และทำให้เกิดข้อตกลงหยุดยิงถาวร โดยกลุ่มที่รณรงค์ ยืนยันว่า จะเดินหน้ากดดันต่อไปจนถึงการเลือกตั้งในดือนพฤศจิกายน
ขณะที่ไบเดนจำเป็นต้องได้รับเลือกด้วยคะแนนเสียงมากที่สุดเท่าที่มากได้ในรัฐมิชิแกน หากอยากชนะเลือกตั้งสมัยที่ 2 ทำให้เขาจำเป็นต้องหาทางเรียกความเชื่อมั่นจากกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่เป็นคนรุ่นใหม่หัวก้าวหน้า และผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวมสุลิม
ทำเนียบขาวและทีมหาเสียงของไบเดนตระหนักถึงกระแสกดดันในมิชิแกน และลงพื้นที่หลายครั้งในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาเพื่อพูดคุยกับผู้นำระดับชุมชน และชี้แจงเกี่ยวกับแนวทางของไบเดนต่อสงครามระหว่างอิสราเอลและฮามาส แต่ยังไม่อาจเรียกความเชื่อมั่นได้