svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

สื่อต่างชาติจับตาทักษิณ วางมือการเมืองจริงหรือไม่ หลังกลับบ้านแล้ว

สื่อต่างชาติจับตาการเดินทางกลับบ้านจันทร์ส่องหล้าของทักษิณในวันนี้ และเฝ้าติดตามว่าต่อจากนี้ ทักษิณจะมีอิทธิพลในพรรคเพื่อไทยอย่างไรบ้าง หรือทักษิณจะวางมือทางการเมืองจริงๆ ตามที่เคยประกาศเอาไว้

สื่อต่างชาติทั่วโลก รายงานข่าวการกลับบ้านจันทร์ส่องหล้า ย่านจรัญสนิทวงศ์ ของนายทักษิณ ชินวัตร ตามเงื่อนไขการพักโทษของกรมราชทัณฑ์ ซึ่งทักษิณเป็นบุคคลที่สื่อต่างชาติติดตามการเคลื่อนไหวมาโดยตลอด นับตั้งแต่ที่ถูกทำรัฐประหารยึดอำนาจเมื่อปี 2006 และต้องอาศัยอยู่ในต่างประเทศนานถึง 17 ปี ก่อนที่จะเดินทางกลับมาประเทศไทยตามคำสัญญา เมื่อปีที่แล้ว และได้เดินทางกลับบ้านในช่วงเช้าวันนี้

 

สื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศต่างไปรวมตัวกันที่โรงพยาบาลตำรวจ ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา เพื่อรอเก็บภาพทักษิณเดินทางออกจากโรงพยาบาล ซึ่งนับตั้งแต่ที่เขาเดินทางกลับถึงไทยเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ปีที่แล้ว นี่นับเป็นครั้งที่ 3 ที่ทักษิณปรากฏตัวให้สื่อมวลชนได้เห็น จึงมีกองทัพนักข่าวไปเฝ้ารอติดตามเก็บภาพจำนวนมาก

สื่อต่างชาติจับตาทักษิณ วางมือการเมืองจริงหรือไม่ หลังกลับบ้านแล้ว สิ่งที่สื่อต่างชาติตั้งคำถามก็คือ หลังจากที่ทักษิณ เดินทางกลับถึงบ้านจันทร์ส่องหล้าเรียบร้อยแล้ว ทักษิณจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองตามที่เขาเคยพูดไว้หรือไม่ เพราะแม้เขาจะประกาศหลายครั้งว่าได้วางมือทางการเมืองไปนานแล้ว แต่ก็เป็นที่รู้กันดีว่าทักษิณยังมีอิทธิพลในพรรคเพื่อไทย  ยิ่งตอนนี้ พรรคเพื่อไทยได้เป็นพรรครัฐบาล ทักษิณจึงอาจมีอิทธิพลในการตัดสินนโยบายต่างๆ ที่ใช้บริหารประเทศ

ศ.ฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ อาจารย์ด้านรัฐศาสตร์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอพีและรอยเตอร์ว่า ต้องรอดูว่าทักษิณจะสามารถอดใจ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองได้จริงหรือไม่ โดยทักษิณยังมีอิทธิพลทางการเมืองแน่นอน เป็นเหมือนผู้ควบคุมดนตรีอยู่เบื้องหลัง แต่ว่าจะมีอิทธิพลมากน้อยแค่ไหน ยังไม่เป็นที่แน่ชัด เป็นไปได้ว่าด้วยสถานการณ์การเมืองที่เปลี่ยนไป เวทีการเมืองไทย มีตัวละครใหม่ๆ เข้ามาในช่วง 17 ปีทีผ่านมา อาจจะทำให้ทักษิณไม่ได้มีอิทธิพลมากเหมือนเมื่อก่อน และเขาอาจจะไม่ได้เป็นคนตัดสินใจทุกเรื่อง

 

อีกเรื่องหนึ่งที่สื่อต่างชาติกำลังจับตาดูคือการกลับมาของทักษิณ จะทำให้ความนิยมของพรรคเพื่อไทยกลับคืนมาหรือไม่ หลังจากที่พ่ายแพ้และสูญเสียตำแหน่งพรรคที่ได้คะแนนเสียงมากที่สุด ให้แก่พรรคก้าวไกล และถูกมองว่ายอมสูญเสียจุดยืนด้านประชาธิปไตย หันไปจับมือกับพรรคการเมืองที่เคยสนับสนุนฝ่ายยึดอำนาจ เพื่อให้ตัวเองได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งหากพรรคเพื่อไทย ไม่รีบกู้ชื่อเสียงจุดยืนด้านประชาธิปไตยกลับมา ก็อาจจะพ่ายแพ้ให้แก่พรรคก้าวไกลอีกครั้ง ในการเลือกตั้งครั้งหน้า