ผลเลือกตั้งปากีสถานวุ่น ผู้สมัครอิสระนำอยู่ แต่พรรคใหญ่อ้างชนะ

ชาวปากีสถานเฝ้าติดตามการนับคะแนนการเลือกตั้งทั่วไปที่จัดขึ้นในวันพฤหัสบดี (8 กุมภาพันธ์ 2567) และควรทราบผลได้ในเช้าวันศุกร์ แต่ต้องผิดหวังว่า เนื่องจากการนับคะแนนล่าช้า และกระทรวงมหาดไทย ชี้แจงว่า มีสาเหตุจากจากมาตรการตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตในโทรศัพท์มือถือในช่วงเลือกตั้งด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง แต่ประชาชนบางส่วน วิตกว่า ผลคะแนนที่ล่าช้าอาจจุดประเด็นสงสัยและการโต้แย้ง

การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการแข่งขันระหว่างผู้สมัครที่ได้รับการสนับสนุนจากอิมราน ข่าน อดีตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคปากีสถาน เทห์รีค-อี-อินซาฟ (PTI) ที่ถูกตัดสิทธิลงสมัครเลือกตั้ง และพรรคสันนิบาตมุสลิมปากีสถาน-นาวาซ (PML-N) ของนาวาซ ชารีฟ อดีตนายกรัฐมนตรี 3 สมัย 

ขณะที่สื่อท้องถิ่น รายงานผลคะแนนที่นับแล้ว 217 ที่นั่งจากทั้งหมด 266 ปรากฏว่า ผู้สมัครอิสระ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสมาชิกหรือผู้สนับสนุนพรรค PTI กวาดไป 88 ที่นั่ง ตามด้วยพรรค PML-N ได้ 61ที่นั่ง และพรรคประชาชนปากีสถาน (PPP) ของบิลาวัล บุตโต ซาดารี บุตรชายของอดีตนายกรัฐมนตรีเบนาซีร์ บุตโต ได้ 50 ที่นั่ง 
แต่นายชารีฟ ประกาศชัยชนะต่อหน้าผู้สนับสนุนในวันนี้ โดยบอกว่า พรรค PML-N เป็นพรรคการเมืองที่ได้รับที่นั่งมากที่สุดในสภาชุดใหม่ แม้ยอมรับว่า มีเสียงไม่มากพอจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ และจะเชิญหัวหน้าพรรคอื่นเจรจาเพื่อจัดตั้งรัฐบาลผสม

ขณะที่พรรค PTI ประกาศเป็นกลุ่มการเมืองใหญ่ที่สุดกลุ่มเดียว และบอกว่า ประชาชนได้โหวตสนับสนุนให้นายข่านเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป รวมทั้งขอให้ผู้มีอำนาจเคารพการตัดสินใจของประชาชน และเตือนว่า ความพยายามล้มล้างการตัดสินใจดังกล่าว จะเกิดผลลัพธ์ร้ายแรงตามมา

นายข่านถูกตัดสิทธิทางการเมืองหลังต้องโทษจำคุกคดีคอร์รัปชัน ซึ่งเขาโต้แย้งว่า เป็นการดำเนินคดีที่มีเหตุจูงใจทางการเมือง และพรรค PTI ของเขาไม่สามารถส่งผู้สมัครเลือกตั้งได้ ทำให้สมาชิกพรรคหันไปลงสมัครเลือกตั้งในฐานะผู้สมัครอิสระ

การเลือกตั้งครั้งนี้มีการแข่งขันเพียง 266 ที่นั่ง ขณะที่อีก 70 ที่นั่งสงวนสิทธิไว้สำหรับผู้หญิงและกลุ่มชาติพันธุ์ นักวิเคราะห์ คาดการณ์ไว้ก่อนแล้วว่า จะไม่มีพรรคใดครองเสียงข้างมากเด็ดขาดในการเลือกตั้งครั้งนี้ ซึ่งจะสร้างความท้าทายต่อการแก้ไขปัญหามากมายที่รุมเร้าประเทศ ทั้งในเรื่องวิกฤตเศรษฐกิจ เหตุรุนแรงจากฝีมือกลุ่มติดอาวุธที่เพิ่มสูงขึ้น และความแตกแยกทางการเมือง