กองทัพยูเครน เปิดเผยว่า รัสเซียโจมตีทางอากาศด้วยขีปนาวุธ 122 ลูก และโดรน 36 ลำในช่วงกลางดึกถึงเช้าวันศุกร์ และระบบป้องกันภัยทางอากาศสามารถสกัดโดรนได้ 27 ลำ และขีปนาวุธร่อน 87 ลูก โดยการโจมตีพุ่งเป้าโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ และสิ่งปลูกสร้างของอุตสาหกรรมและกองทัพ และเป็นการโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ที่สุดของรัสเซีย นับตั้งแต่การเปิดฉากบุกยูเครนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2565
สำนักงานตำรวจแห่งชาติยูเครน ยืนยันว่า การโจมตีของรัสเซียทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 18 ราย และผู้บาดเจ็บ 132 ราย
และสื่อรายงานว่า พื้นที่โจมตีครอบคลุมทั้งกรุงเคียฟ, เมืองคาร์คีฟในภาคเหนือ เมืองดนีโปรในภาคตะวันออก เมืองโอเดสซาในภาคใต้ และเมืองลวิฟในภาคตะวันตก โดยเกิดความเสียหายในวงกว้าง อาคารที่พักอาศัย โรงเรียน และโรงพยาบาลได้รับความเสียหาย และเฉพาะในกรุงเคียฟ เกิดความเสียหายที่สถานีรถไฟ อาคารที่พักอาศัย และโกดังสินค้า
การโจมตีล่าสุดของรัสเซียถูกมองว่าอาจเป็นการตอบโต้ที่เรือยกพลขึ้นบก “โนโวเซอร์คาสก์” ของรัสเซีย ซึ่งจอดอยู่ที่ท่าเรือบนคาบสมุทรไครเมีย ได้รับความเสียหายและมีผู้เสียชีวิต 1 รายจากการโจมตีทางอากาศของยูเครนในวันอังคาร
นอกจากนี้การโจมตีในช่วงใกล้สิ้นสุดปีนี้มีขึ้นท่ามกลางความกังวลของยูเครนเกี่ยวกับความช่วยเหลือทางทหารและการสนับสนุนทางการเงินของชาติตะวันตกที่ลดน้อยลง หลังสงครามยืดเยื้อเกือบ 2 ปี จนต้องสั่งลดขนาดปฏิบัติการทางทหารบางส่วน และยูเครนเตือนเมื่อหลายสัปดาห์ก่อนแล้วว่า รัสเซียอาจสั่งสมขีปนาวุธเพิ่มขึ้นเพื่อเตรียมปฏิบัติการโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่พุ่งเป้าระบบพลังงานของยูเครน
ขณะที่สหรัฐฯ เพิ่งประกาศมอบความช่วยเหลือด้านอาวุธแก่ยูเครนอีกกว่า 8,500 ล้านบาท แต่จะเป็นความช่วยเหลือครั้งสุดท้ายภายใต้การอนุมัติก่อนหน้านี้จากสภาคองเกรส หากไม่มีการอนุมัติเพิ่มเติมตามคำร้องขอของรัฐบาลครั้งใหม่