กองทัพปลดปล่อยตะอางแห่งชาติ (Ta'ang National Liberation Army) หรือ TNLA ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธที่ต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมา ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอที่แสดงให้เห็นผู้คนกำลังอพยพออกจากพื้นที่ขัดแย้งทางเหนือ ด้านที่มีพรมแดนติดกับจีน ทำให้พื้นที่ที่ได้ชื่อว่าเป็น "เมืองคนบาป" ที่มีทั้งบ่อนพนัน โสเภณี และแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงเหยื่อทางออนไลน์ กลายเป็นเมืองร้าง ในขณะที่สงครามคืบคลานเข้าไปในพื้นที่ และประชาชนหลายพันคนต้องพากันอพยพทิ้งบ้านเรือน
กลุ่มติดอาวุธ TNLA ได้เปิดฉากปะทะเดือดกับทหารเมียนมาทั่วพื้นที่ในรัฐฉาน ที่อยู่ทางเหนือของประเทศ ทั้งยังยึดเมืองได้หลายเมือง ขณะที่นักวิเคราะห์หลายคนระบุว่า เป็นความท้าทายใหญ่หลวงที่สุดของรัฐบาลทหาร นับตั้งแต่ยึดอำนาจเมื่อปี 2564 ซึ่งในคลิปวิดีโอที่เผยแพร่แสดงให้เห็นคนเข้าแถวยาวรอขึ้นรถที่ "เมืองเล้าก์ก่าย" ที่ถูกขนานนามว่า "เป็นเมืองที่ไร้ขื่อแป"
คนงานชาวเมียนมาคนหนึ่งบอกว่า เห็นกระสุนปืนใหญ่ยิงข้ามศีรษะและนายจ้างก็หยุดเลี้ยงอาหารเพราะราคาแพงมาก ผู้คนหลายร้อยต้องไปนอนอยู่ข้างถนน
พลเอกอาวุโสมิน อ่องหล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา เคยสร้างชื่อเสียงที่เล้าก์ก่ายในปี 2542 ตอนที่ยังมีตำแหน่งเป็นแม่ทัพภาค และขับไล่กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (Myanmar National Democratic Alliance Army) หรือ MNDAA ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธที่เคลื่อนไหวอยู่ที่เมืองเล้าก์ก่าย
มีรายงานว่า ทหารเมียนมาได้เข้าควบคุมเมืองและใช้กลุ่มติดอาวุธของตัวเอง สร้างความมั่งคั่งให้ด้วยการผลิตยาเสพติด เปิดบ่อนการพนันและค้าบริการทางเพศให้แก่นักท่องเที่ยวที่ข้ามมาจากพรมแดนจีน ซึ่งตามคาสิโนส่วนใหญ่จะเต็มไปด้วยนักพนันจากจีน ส่วนแรงงานชาวเมียนมา เช่น ช่างซ่อมรถจะมีรายได้ประมาณ 400 ดอลลาร์ (14,000 บาท) ต่อเดือน
พวกที่ไปใช้แรงงานจะถูกกันออกจากซ่องโสเภณีและยาเสพติด ที่มีกลาดเลื่อนตามท้องถนน แต่อุตสาหกรรมที่เบ่งบานที่สุดคือ อาคารที่เป็นธุรกิจของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ใช้ทีมงานที่ล่อลวงมาจากจีนและประเทศอื่น ๆ ก่อนบังคับให้หลอกเหยื่อทางออนไลน์ วิธีการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ คือให้ตีสนิทกับเป้าหมายเป็นเวลาหลายสัปดาห์ ก่อนหลอกล่อให้นำเงินไปลงทุนในแพลตฟอร์มปลอม ๆ หรือกลลวงอื่น ๆ
รายงานของสหประชาชาติที่ออกมาในปีนี้ ระบุว่ามีคนที่ถูกล่อลวงไปเข้าร่วมกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ราว 120,000 คน และจีนซึ่งเป็นพันธมิตรและผู้จัดหาอาวุธรายใหญ่ของเมียนมาไม่พอใจอย่างมาก และกดดันรัฐบาลเมียนมามาโดยตลอดให้กวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้หมด แต่ผู้ที่หนีออกมาระบุว่าพวกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังคงทำธุรกิจกันอย่างปกติ ภายในอาคาร 4 ชั้น ที่มีถึง 40 หลังในเล้าก์ก่าย จนกระทั่งเมืองถูกโจมตี
กลุ่ม MNDAA ได้ส่งมอบผู้อพยพให้แก่กองทัพสหรัฐว้า (United Wa State Army) หรือ UWSA ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธอีกกลุ่มหนึ่ง ที่ช่วยจัดหาอาหารและรถบรรทุกในการขนส่งพวกเขาไปยังพื้นที่ทางใต้ที่ปลอดภัยจากการสู้รบ เพียงแต่ให้คนเหล่านี้ทิ้งโทรศัพท์มือถือกับของใช้ส่วนตัวไว้ ให้มีติดตัวแค่เสื้อผ้าเท่านั้น และต้องเดินทางไปยังพื้นที่ทางตะวันออกของรัฐฉาน ก่อนถูกส่งตัวต่อให้ทหารของรัฐบาลเมียนมา เพื่อไปรวมกับอีกราว 2,000 คน ที่นอนกันอยู่ตามพื้น และหลายคนป่วยจากการเดินป่าอันยากลำบาก
MNDAA ระบุว่า พวกเขาปิดล้อมเมืองเล้าก์ก่ายไว้หมดแล้ว และจะส่งตัวหัวหน้านายทุนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่จับได้ ให้ทางการจีน