คนไทยที่ติดอยู่ในเมืองเล้าก์ก่ายร้องรัฐบาลไทยช่วย หวั่นถล่มหนักวันนี้

คนไทยในเมืองเล้าก์ก่ายหลายคนได้เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กของ "เอกราช สุคนธมาศ" ที่ไลฟ์เมื่อวันค่ำวันพฤหัสบดี (16 พฤศจิกายน 2566) ที่ผ่านมา ระบุว่าพวกเขาอาศัยอยู่ที่โรงพยาบาลสนาม ในโรงเรียนแห่งหนึ่งในเขตเล้าก์ก่าย แม้จะถูกช่วยเหลือออกมาจากขบวนการคอลเซ็นเตอร์แล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถเดินทางกลับประเทศไทยได้ตามต้องการ ผู้หญิงคนหนึ่งพูดในไลฟ์ว่า "เราคนไทยทุกคนได้รับข่าวสารมาว่า วันที่ 18 พฤศจิกายน จะมีสงครามครั้งใหญ่เกิดขึ้น ซึ่งเราอยากกลับก่อนวันที่ 18 หรืออพยพออกจากที่นี่ก่อนวันพรุ่งนี้ อยากให้รัฐบาลวอนไปถึงรัฐบาลจีนด้วย

อีกคนหนึ่งบอกว่า

"อยู่ท่ามกลางเสียงระเบิด แล้วก็เสียงปืนทั้งกลางวันและกลางคืน มันย่ำแย่มากจริง ๆ บางคนมีสภาวะเครียด กดดัน ถึงขั้นนอนไม่ได้ มีทั้งคนที่คิดที่จะฆ่าตัวตาย โดนตัดน้ำ ตัดไฟ ตอนนี้ต้องซื้อน้ำดื่มกันเอง ข้าวที่ส่งมาไม่เพียงพอต่อจำนวนคน บางทีเจอข้าวบดกินไม่ได้ก็มี"

"เราต้องช่วยเหลือกันเอง สุขอนามัยไม่ดีเลย สุขภาพก็ไม่ดี อยากกลับบ้าน ไม่ว่าหน่วยงานหรือทางการไหนก็ตาม ก็จะบอกแต่ว่าใกล้แล้ว อีกสองวัน แต่ความหวังคือเท่ากับศูนย์มีแค่วันแล้วกับวันเล่า อีก 4 วัน จะครบเดือนเต็ม ๆ ที่เราอยู่ที่นี่"

มีคนไทยราว 300 คน ที่ติดอยู่ในเมืองเล้าก์ก่าย ในจำนวนนี้ มีอยู่ 254 คน ที่อยู่ในความดูแลของทหารเมียนมา ส่วน 40 ถึง 50 คน นายจ้างไม่ยอมปล่อยตัว แต่มีคนไทยอีกกลุ่มหนึ่งจำนวน 41 คน ที่ได้รับการช่วยเหลือออกมาแล้ว แต่อยู่ระหว่างกระบวนการสอบประวัติในจังหวัดเชียงตุงของเมียนมา ติดกับอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย

เมื่อวันศุกร์กลุ่มญาติและครอบครัวของคนไทยที่ติดอยู่ในเมืองเล้าก์ก่าย รวม 8 คน ได้เดินทางไปที่สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ย่านถนนรัชดาภิเษก เพื่อยื่นหนังสือเรียกร้องให้รัฐบาลจีนยื่นมือเข้ามาช่วยคนไทยที่ยังคงติดอยู่ในเมียนมา...



น.ส. คณิศร พยอมหอม อาของหนึ่งในคนไทยที่ติดอยู่ที่เล้าก์ก่าย เปิดเผยต่อเบนาร์ นิวส์ว่า หลานสาวติดอยู่ที่นั่นหลังจากเข้าไปเมื่อเดือนมิถุนายนปีนี้ พอไปถึงเดือนแรกก็บอกว่าโดนพาไปที่เล้าก์ก่าย ถูกขังและอยากให้ช่วยเหลือ โดยติดต่อกลับมาหาพี่สาวที่ไปแจ้งตามมูลนิธิแต่เรื่องเงียบ มีการขอความช่วยเหลือไปยังกงสุลไทยในเมียนมา แต่เมื่อแก๊งที่เชื่อว่าเป็นคอลเซ็นเตอร์ที่มีขนาดใหญ่มากรู้เข้า ก็โดนซ้อม... แต่หลานถูกปล่อยออกมาเมื่อราวต้นเดือนพฤศจิกายน และตอนนี้อยู่ในความดูแลของเมียนมาที่ดึงเรื่องไว้ไม่ปล่อยให้กลับไทย ทำให้คิดว่ารัฐบาลจีนน่าจะช่วยได้เพราะเป็นพันธมิตรกัน พวกที่ติดอยู่ก็เชื่อว่าขอไปทางจีนน่าจะง่ายจึงมาขอผ่านจีน ก่อนจะเกืดสงครามที่จะถล่มกันหนัก

เมื่อเดือนมิถุนายนและตุลาคมปีนี้ สถานเอกอัครราชทูตไทยในเมียนมาได้ประกาศเตือนให้คนไทย ระมัดระวังจะถูกหลอกไปทำงานในประเทศเมียนมาผ่านการประกาศหางานออนไลน์ ผ่านชายแดนฝั่ง อ.แม่สอด จ.ตาก และ อ.แม่สาย จ.เชียงราย โดยระบุว่าจะมีลักษณะการล่อลวงว่า จะมีรายได้ 3-4 แสนบาทต่อเดือน ซึ่งหากหลงเชื่อจะถูกขายต่อไปทำงานในเขตปกครองตนเอง ถูกบังคับขายบริการ บังคับให้เสพยา ถูกยึดหนังสือเดินทางและเป็นหนี้

41 คนไทยจากเล้าก์ก่าย กลับถึงไทยแล้ว  

ต่อมา เมื่อเวลา 12.40 น. วันที่ 18 พ.ย.66 มีรายงานว่า ที่จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพแม่น้ำสายแห่งที่ 1 ไทย-เมียนมา มีการรับส่งคนไทย 41 คน ที่ได้รับการช่วยเหลือออกจากเมืองเล้าก์ก่าย โดย 41 คนไทย ออกเดินทางจาก จ.เชียงตุง ซึ่งอยู่ห่างจากชายแดน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ประมาณ 160 กิโลเมตร ไปยังมณฑลทหารบก 37 ค่ายเม็งรายมหาราช เข้าสู่ขั้นตอนการตรวจคัดกรองโรค รวมทั้ง ดำเนินกรรมวิธีของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ต่อไป

ขณะที่ กองกำลังผาเมือง กองทัพภาคที่ 3 ได้เตรียมที่พักสามารถรองรับได้ถึง 200 คน พร้อมจัดจุดพักคอยให้กับญาติที่มารอรับ ทั้งนี้ พบว่า 3 ใน 41 คนไทยที่เดินทางกลับ มีหมายจับจากทางการไทยด้วย ในขณะที่ รัฐบาลเมียนมาไม่เอาผิด 41 คนไทย ในข้อหาหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย

สำหรับปฏิบัติการช่วยเหลือคนไทยได้ดำเนินการเป็นขั้นตอนตามลำดับ โดยมีหน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก กองกำลังผาเมืองและคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นไทย-เมียนมา หรือ TBC เป็นหน่วยปฏิบัติหลัก ส่วนคนไทยอีกกว่า 200 คนที่อยู่ในค่ายทหารที่เป็นที่พักพิงในเมืองเล้าก์ก่าย จะได้เดินทางออกมาเมื่อใดนั้น รัฐบาลเมียนมากำลังพิจารณาและกำหนดเส้นทางเพราะรอบเมืองเล้าก์ก่าย มีการสู้รบกันอยู่