8 ตุลาคม 2566 ความคืบหน้ากรณี กลุ่มติดอาวุธฮามาส ใน ฉนวนกาซา ก่อเหตุโจมตีประเทศอิสราเอล มีผู้เสียชีวิตจากการโจมตีครั้งนี้ อย่างน้อยหลายร้อยศพ บาดเจ็บกว่าหลายพันคน โดยสถานเอกอัครราชฑูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ แจ้งว่า อาจมีแรงงานไทย ถูกจับไปเป็นตัวประกัน 2 คน ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ 1 คน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
โดยมีรายงานว่า หนึ่งในตัวประกันที่ กลุ่มติดอาวุธฮามาส จับตัว เป็นชาวบ้านหนองแสง หมู่ 5 ต.นามะเขือ อ.ปลาปาก จ.นครพนม โดยถูกจับตัวไปในช่วงเย็นของวันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมา และอยู่ระหว่างทางรัฐบาลไทย ประสานเอกอัครราชทูตไทย ดำเนินการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน แต่ยังไม่ทราบชะตากรรม และข่าวความคืบหน้า เกี่ยวกับความเป็นอยู่ของแรงงานไทย
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ บ้านหนองแสง หมู่ 5 ต.นามะเขือ อ.ปลาปาก จ.นครพนม โดยได้รับคำยืนยันจาก นายธวัชชัย อ่อนแก้ว อายุ 47 ปี พร้อมภรรยาคือ นางทองคูณ อ่อนแก้ว อายุ 47 ปี ว่า เป็นพ่อแม่ของแรงงานไทย ที่ถูกจับเป็นตัวประกัน ในเหตุก่อการร้ายที่ อิสราเอล ทราบชื่อว่า นายณัฐพร อ่อนแก้ว หรือ ตั้ม อายุ 26 ปี เป็นแรงงานไทยไปทำงานเกษตร ในเขตฉนวนกาซา ประเทศอิสราเอล ตั้งแต่เดือน ต.ค. 64
ทั้งนี้ทางครอบครัว ยืนยันว่า ดูภาพถ่ายหลักฐานจากสื่อโซเชียล มั่นใจว่า เป็นลูกชายแน่นอน หลังมีข่าวเกิดเหตุสู้รบกัน ก็ขาดการติดต่อกับลูกชายหลายชั่วโมง จากปกติจะมีการโทรผ่านแชทเฟซบุ๊กตลอด ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถติดต่อเพื่อนร่วมงาน หรือคนรู้จักที่เป็นแรงงานไทยได้
นางทองคูณ อ่อนแก้ว หรือ แม่คูณ อายุ 47 ปี แม่ของน้องตั้ม แรงงานไทยในประเทศอิสราเอล ที่ถูกจับเป็นตัวประกันในก่อการร้ายครั้งนี้ เปิดเผยว่า จากการติดตามข้อมูลข่าวสาร ภาพจากสื่อโซเชียล มั่นใจว่าลูกชาย คือ นายณัฐพร อ่อนแก้ว หรือ ตั้ม อายุ 26 ปี เนื่องจากปกติหลังเลิกงาน ตนกับลูกชายจะติดต่อพูดคุยสอบถามความเป็นอยู่กันตลอดทุกวัน ผ่านทางแชทเฟซบุ๊กลูกชาย ชื่อ Natthaporn Onkeaw
และด้วยความเป็นห่วงที่ไปทำงานต่างประเทศ อีกทั้งก็ทำงานเกษตรอยู่ในเขตสู้รบฉนวนกาซา ล่าสุดหลังมีข่าวความรุนแรง พบว่าเฟซบุ๊คลูกชายไม่มีความเคลื่อนไหว และพยายามติดต่อโทรสอบถาม แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ซึ่งตนก็ไม่มีคนรู้จักในที่ทำงานเดียวกับลูกชายด้วย มั่นใจถูกจับตัวอย่างแน่นอน
นางทองคูณ เล่าต่อว่า ตนมีลูกแค่ 2 คน น้องตั้มเป็นลูกชายคนโต อีกคนเป็นลูกสาวตอนนี้อายุ 12 ปี น้องตั้มจึงเป็นเสาหลักครอบครัว ขยันทำงาน รักครอบครัว ซึ่งเมื่อหลายปีก่อนพ่อน้องตั๊ม ก็เคยไปทำงานประเทศอิสราเอลเช่นกัน เพราะครอบครัวยากจน จึงไปขายแรงงานต่างประเทศหวังสร้างฐานะ จนกระทั่งลูกชายมาสานต่อพ่อ ไปทำงานเมื่อเดือน ต.ค. 64 ผ่านกรมการจัดหางาน มีค่าใช้จ่ายเดินทางทั้งหมดรวมประมาณ 60,000 บาท
โดยไปทำงานสวนเกษตร เงินเดือนประมาณ 50,000 บาท ถือว่ารายได้ดี สัญญาจ้าง 5 ปี แต่ยังต้องเก็บเงินเพราะสร้างบ้าน ซื้อรถยนต์ รวมถึงรักษาพ่อที่ป่วยเบาหวาน มาถึงตอนนี้ยังไม่ทราบข่าวความเคลื่อนไหว ได้แต่รอความหวังจากรัฐบาลให้ประสานการช่วยเหลือ ตนห่วงความปลอดภัยของลูกมาก
สิ่งสำคัญในตอนนี้ ตนได้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ภาวนาให้คุ้มครองปกปักษ์รักษา น้องตั้มให้ปลอดภัย ส่วนตัวยังมั่นใจ เชื่อศรัทธาในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จะคุ้มครองลูกชาย อีกทั้งก่อนเดินทางไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล ได้นำเหรียญพระเครื่องหลวงพ่ออวน เกจิชื่อดังในวัดหมู่บ้าน รวมถึงเหรียญองค์พระธาตุพนม ให้ลูกคล้องคอไว้ โดยปกติทุกวันลูกชายจะเล่าให้ฟังว่า จะกราบไหว้ขอพรตลอด จึงเชื่อว่าลูกชายยังปลอดภัย
ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ และกระทรวงการต่างประเทศ ได้เปิดหมายเลขฉุกเฉินเพิ่มเติม คือ สถานเอกอัครราชทูตฯ หมายเลข +972 546368150
สำหรับผู้ที่ประสงค์จะขอรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือติดต่อสอบถามเกี่ยวกับญาติที่พำนักอยู่ในอิสราเอล สามารถติดต่อ Call center กรมการกงสุล ที่หมายเลข 02 5728442 (ตลอด 24 ชม.)
หมายเลขฉุกเฉินกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศที่หมายเลข
064-019-8530
064-019-8907
099-616-4786
(เปิดให้บริการวันที่ 8 ตุลาคม 2566) หรือ ที่หมายเลข 02-575-1047-51 , 02-575-1053 (ในวันเวลาราชการ)