เผยภาพความเสียหายเรือดำน้ำ Rostov-on-Don ของรัสเซีย

ภาพชุดแรกที่เผยแพร่โดยผู้สื่อข่าวสืบสวนของ "Conflict Intelligence Team" หรือ CIT แสดงให้เห็นภาพระยะใกล้ที่สุดของเรือดำน้ำ Rostov-on-Don ชั้น Kilo มูลค่า 250 ล้านปอนด์ (ราว 11,000 บาท) หลังถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธ "Storm Shadow" เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2566 อยู่ที่อู่ซ่อมเรือแห่งหนึ่งที่ท่าเรือเซวาสโตโปลในทะเลดำ ซึ่งเป็นดินแดนในคาบสมุทรไครเมียที่ถูก รัสเซียผนวกเป็นดินแดนของตัวเอง 

มีแนวโน้มว่าเรือดำน้ำลำนี้ จะหมดโอกาสเข้าร่วมทำสงครามตลอดระยะเวลาที่เหลือ เนื่องจากงบประมาณที่จะใช้ซ่อมแซมนั้นสูงเกินไป และร่องรอยความเสียหายปรากฎอย่างชัดเจน ว่าถูกโจมตีโดยขีปนาวุธ 2 ลูก ที่ฝรั่งเศสกับอังกฤษมอบให้ยูเครน ทำให้เกิดรอยโหว่ขนาดใหญ่ที่ตัวเรือและสร้างความเสียหายอย่างหนักให้กลไกภายใน 

รายงานของ CIT ระบุว่า ในส่วนของห้องสำหรับลูกเรือ (living compartments) กับพื้นที่ส่วนอื่น ๆ ก็ได้รับความเสียหายเช่นกัน จึงเป็นไปไม่ได้ที่ Rostov-on-Don จะกลับเข้าสู่สงครามได้อีก จากการตรวจสอบภาพถ่ายดาวเทียมอย่างละเอียด พบว่าเรือดำน้ำลำนี้ ที่ถูกใช้ในการโจมตียูเครนในระหว่างสงคราม มีรอยโหว่ขนาดใหญ่ที่หัวเรือกับจุดที่สองที่อยู่ทางกราบขวาของเรือ บริเวณด้านหลังตำแหน่งจุดบังคับบัญชา ซึ่งต่างจากจุดแรกตรงที่ไม่สามารถบันทึกจากภาพถ่ายดาวเทียมได้ 



แหล่งข่าวบางกระแสจากยูเครนระบุว่า รัสเซียปกปิดการเสียชีวิตจากการโจมตีที่มีจำนวน 24 คน ซึ่งในวันเดียวกัน โดรนกามิกาเซ่ "Sea Baby" ก็โจมตีเรือโฮเวอร์คราฟต์ชั้น Samum ติดขีปนาวุธของรัสเซีย ใกล้กับท่าเรือเซวาสโตโปลจนได้รับความเสียหาย ขณะที่โดรนของกองทัพเรือก็สร้างความเสียหายให้เรือลาดตระเวน Vasily Bykov เช่นกัน 

การโจมตีที่ท่าเรือในทะเลดำ เกิดขึ้นในขณะที่สหภาพยุโรปเดินหน้าเล่นงานรัสเซีย ที่รวมถึงมาตรการคว่ำบาตร "12th package" กรณีที่รัสเซียรุกรานยูเครน  ซึ่งมาตรการใหม่ที่อาจถูกนำเสนอช่วงต้นเดือนหน้า รวมถึงเวอร์ชั่นของ G7 ที่เอามาปรับใช้เป็นเวอร์ชั่นของสหภาพยุโรป ที่ห้ามการซื้อเพชรของรัสเซียและการใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ของรัสเซีย ที่ถูกอายัดในธนาคารกลางไปช่วยเหลือยูเครน