นักวิเคราะห์ มองว่า สงครามยูเครน และการเป็นปรปักษ์กับชาติตะวันตก ทำให้เกาหลีเหนือและรัสเซียกระชับความสัมพันธ์แนบแน่นยิ่งขึ้นสู่ระดับที่ไม่เคยเห็นมาก่อนหลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต และเป็น "ความปกติใหม่" หรือ “วิถีใหม่" (New Normal) ของความสัมพันธ์ของเกาหลีเหนือและรัสเซีย
แต่มิตรภาพนี้จะยาวนานแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับทิศทางของสงครามยูเครน หากรัสเซียไม่ต้องการพึ่งพาอาวุธจากเกาหลีเหนือ ความสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือก็อาจไม่ใช่สิ่งสำคัญอันดับแรกสำหรับปูตินอีกต่อไป การพบปะระหว่างคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ และประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ที่ศูนย์ปล่อยยานอวกาศวอสทอชนีระหว่างการเยือนรัสเซียเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปีเมื่อวันพุธ (13 กันยายน) ถูกจับตาว่าอาจมีการหารือเรื่องที่เกาหลีเหนือจะจัดส่งปืนใหญ่และเครื่องกระสุนให้กับรัสเซีย แลกกับการสนับสนุนด้านเทคโนโลยีการพัฒนาอาวุธ เช่น ขีปนาวุธข้ามทวีป หรือเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์ และดาวเทียมสอดแนมทางทหารจากรัสเซีย โดยมีเสียงขู่จากสหรัฐฯ ว่า อาจคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ หากมีการทำข้อตกลงเรื่องอาวุธระหว่างเกาหลีเหนือและรัสเซีย ที่จะเป็นการละเมิดมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่ห้ามการเคลื่อนย้ายอาวุธกับเกาหลีเหนือ แม้ทั้งสองฝ่ายยังไม่เปิดเผยรายละเอียดการหารือ แต่รัสเซียบอกว่า มีการพูดคุยหลายเรื่อง รวมถึงเรื่องอ่อนไหว
ขณะที่สื่อรายงานว่า คิม บอกกับปูตินว่า เกาหลีเหนือจะทำงานร่วมกับรัสเซียเพื่อต่อสู้กับจักรวรรดินิยม และรัสเซียจะได้รับชัยชนะเหนือพวกที่ใช้อำนาจครอบงำ และเกาหลีเหนือสนับสนุนทุกการตัดสินใจของปูติน ซึ่งอาจสื่อถึงการบุกยูเครน รวมทั้งบอกด้วยว่า ความสัมพันธ์กับรัสเซียเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกของเกาหลีเหนือ
และเขามั่นใจว่า “การเยือนครั้งนี้จะมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนผ่านจากสัมพันธไมตรีแบบดั้งเดิมสู่หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่ไม่อาจแตกสลายได้”
นอกจากนี้สื่อทางการเกาหลีเหนือ รายงานว่า ผู้นำทั้งสองบรรลุข้อตกลงที่น่าพอใจและมีทัศนะตรงกัน เมื่อพูดคุยประเด็นสำคัญที่ศูนย์ปล่อยยานอวกาศ และมีการพูดคุยเรื่อง “ความร่วมมือกะทันหันในการปกป้องอธิปไตย” และให้คำมั่นว่าจะเสริมความร่วมมือทางยุทธศาสตร์และยุทธวิธีให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น
ด้านกระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้กำลังจับตาอย่างใกล้ชิดเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่เกาหลีเหนือและรัสเซียจะจัดการซ้อมรบทางทหารร่วมกัน หลังคิมพบกับปูติน โดยมีรัฐมนตรีกลาโหมของทั้งสองประเทศเข้าร่วมหารือด้วย ทำให้คาดว่า จะมีการพูดคุยเรื่องการเพิ่มความร่วมมือทางทหาร
นอกจากนี้ในช่วงท้ายของงานเลี้ยงต้อนรับ คิมเชิญปูตินเยือนเกาหลีเหนือในเวลาที่สะดวก และปูตินตอบรับคำเชิญด้วยความยินดี แต่ทำเนียบเครมลิน เปิดเผยว่า ยังไม่มีการวางแผนเยือนเกาหลีเหนือของประธานาธิบดีแต่อย่างใด
ขณะที่อดีตนักการทูตและนักวิเคราะห์ มองว่า การเยือนเกาหลีเหนือยังไม่น่าจะเกิดขึ้นในปีนี้ และแทบไม่มีเหตุผลที่ปูตินจะต้องไปเกาหลีเหนือ ในเมื่อเขาได้สิ่งที่ต้องการจากซัมมิตเมื่อวันพุธแล้ว ยิ่งกว่านั้นปูตินแทบไม่ได้ไปต่างประเทศเลยนับตั้งแต่เริ่มเปิดฉากสงครามในยูเครน
การพัฒนาความสัมพันธ์อย่างรวดเร็วระหว่างเกาหลีเหนือและรัสเซีย ยิ่งจุดความกังวลเรื่องสงครามเย็นครั้งใหม่ในคาบสมุทรเกาหลี ที่มีเกาหลีใต้ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น อยู่ในฝั่งหนึ่ง และเกาหลีเหนือ จีน และรัสเซีย อยู่อีกฝั่ง แต่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่า จีนจะตอบสนองอย่างไรต่อความเป็นหุ้นส่วนระหว่างเกาหลีเหนือและรัสเซีย โดยจีนพยายามไม่แสดงความแนบแน่นกับเกาหลีเหนือและรัสเซียจนเกินไป เพื่อประคับประคองความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ
นักวิเคราะห์ มองว่า ซัมมิตคิม-ปูติน เผยให้เห็นว่า การเชื่อมโยงระหว่างเกาหลีเหนือและรัสเซียกับจีนอาจลดน้อยลง เพราะผลประโยชน์ร่วมกันเหมือนกันของเกาหลีเหนือและรัสเซียไม่เกี่ยวข้องหรือสำคัญกับจีน โดยเฉพาะเรื่องสงครามยูเครน คิมส่งสัญญาณว่าสนับสนุนปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียในยูเครน แต่จีนหลีกเลี่ยงที่จะเกี่ยวข้องและไม่ต้องการสร้างศัตรูเพิ่มในยุโรป
ด้านกระทรวงต่างประเทศของจีน แถลงเมื่อวันพุธว่า การเยือนรัสเซียของคิมเป็นเรื่องที่สองประเทศตกลงกัน เป็นเรื่องความสัมพันธ์ของสองประเทศ และย้ำว่า จีนและเกาหลีเหนือเป็นชาติเพื่อนบ้านที่จะยังมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น