อียูเปิดสอบสวนจีนอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้า

อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิกายุโรป แถลงต่อที่ประชุมรัฐสภายุโรปเมื่อวันพุธ (13 กันยายน)ว่า  ยุโรปเปิดกว้างสำหรับการแข่งขัน แต่ไม่ใช่การแข่งขันหั่นราคา ขณะนี้ตลาดโลกเต็มไปด้วยรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูก และราคาถูกกดให้ต่ำเกินจริงด้วยเงินอุดหนุนจากภาครัฐ ซึ่งเป็นการบิดเบือนตลาด จึงไม่อาจยอมรับได้ และเธอประกาศว่า คณะกรรมาธิการจะเปิดการสอบสวนต่อต้านการอุดหนุนสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่มาจากจีน

การสอบสวนครั้งนี้เป็นครั้งใหญ่ที่สุดที่เกี่ยวกับจีน นับจากอียูเปิดการสอบสวนกรณีแผงโซลาเซลล์ของจีน ที่สามารถหลีกเลี่ยงสงครามการค้าได้อย่างหวุดหวิดเมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้ว

คณะกรรมาธิการยุโรปมีเวลา 13 เดือน เพื่อประเมินว่าจะบังคับใช้กำแพงภาษีเพิ่มขึ้นจากอัตราภาษีนำเข้า 10% กับรถยนต์ที่นำเข้าจากจีนหรือไม่ การสอบสวนนี้ครอบคลุมรถยนต์ที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรีจากจีน ซึ่งรวมถึงแบรนด์รถยนต์ที่ไม่ใช่ของจีน แต่ผลิตในจีนด้วย อย่าง เทสลา, เรโนลต์ และบีเอ็มดับเบิลยู 

ปัจจุบันยุโรปเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์จากจีนเพียง 10% เมื่อเทียบกับสหรัฐฯ ที่เก็บภาษี 27.5% ทำให้ผู้ผลิตของจีนขยายตลาดในยุโรปอย่างรวดเร็ว  

บริษัทต่าง ๆ ของจีน ส่งออกรถยนต์ไฟฟ้า หรือ รถอีวี รวมเกือบ 350,000 คัน ไปยัง 9 ประเทศในยุโรปในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ มากกว่าปริมาณการส่งออกของทั้งปี 2565 แล้ว และในช่วงอย่างน้อย 5 ปีมานี้ อียูนำเข้ารถยนต์จากจีนเพิ่มขึ้น 4 เท่า

จากการประเมินเมื่อเร็ว ๆ นี้ พบว่า ผู้ผลิตรถยนต์ของจีนอาจมีส่วนแบ่งตลาดรถยนต์เพิ่มขึ้นสองเท่าจาก 17% เป็น 33% ภายในปี 2573 และบริษัทยุโรปจะสูญเสียส่วนแบ่งตลาดมากที่สุด 

และหลังอียูประกาศสอบสวนการอุดหนุนของจีนแก่ผู้ผลิรถยนต์ ทำให้หุ้นบริษัทรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดของจีน BYD ปิดตลาดลดลง 2.8% นอกจากนี้หุ้นของเสี่ยวเผิง (Xpeng) ลดลง 2.5% และหุ้นของนีโอ (NIO) ลดลง 0.9%

ขณะที่ฝรั่งเศสขานรับการตัดสินใจของอียู โดยบอกว่า อียูต้องแสดงความมุ่งมั่นปกป้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม และแม้สมาชิกอียูบางประเทศ รวมถึง เยอรนีแสดงความกังวลว่า การสอบสวนจะสร้างความโกรธเคืองต่อจีน เนื่องจากชาติเหล่านี้พึ่งพาความสัมพันธ์ทางการค้ากับจีน แต่เยอรมนีก็ขานรับการสอบสวนครั้งนี้

ที่ผ่านมาผู้บริหารระดับสูงของอุตสาหกรรมยานยนต์ในเยอรมนีและฝรั่งเศส แสดงความกังวลเกี่ยวกับผบกระทบจากรถยนต์อีวีของจีน ที่มีราคาถูกกว่าในอียูเกือบ 30%