
พรรครีพับลิกันเริ่มสอบสวนเกี่ยวกับไบเดนนับตั้งแต่สามารถครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรเมื่อเดือนมกราคม โดยมุ่งประเด็นว่า ไบเดนได้รับผลประโยชน์จากการที่ฮันเตอร์ บุตรชายดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ ในช่วงที่ไบเดนดำรงตำหน่งรองประธานาธิบดีระหว่างปี 2552-2560 หรือไม่ และแม้ไม่พบหลักฐานที่เป็นรูปธรรมเกี่ยวกับการกระทำผิดของไบเดน แต่พบข้อสงสัยเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจของฮันเตอร์ และไบเดนอาจรับรู้พฤติกรรมของลูกชาย แมคคาร์ธีเผชิญแรงกดดันจากฝ่ายขวาจัดในพรรคที่ขู่ปลดเขาพ้นตำแหน่ง หากไม่เริ่มเปิดการไต่สวนเพื่อขอถอดถอนไบเดน
แต่ความพยายามถอดถอนไบเดนไม่น่าจะประสบความสำเร็จ เพราะพรรครีพับลิกันมีเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรอย่างฉิวเฉียดที่ 222-212 และแม้ผ่านมติเห็นชอบของส.ส. ก็ยังต้องมีการไต่สวนในวุฒิสภาและลงมติอีกครั้ง ซึ่งพรรคเดโมแครตของเสียงข้างมาก จึงไม่น่าจะผ่านความเห็นชอบได้
ที่ผ่านมายังไม่เคยมีประธานาธิบดีคนใดพ้นตำแหน่งจากกระบวนการถอดถอน โดยมีเพียง 3 คนที่สภาผู้แทนราษฎรมีมติสนับสนุนการยื่นถอดถอน โดยโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพียงคนเดียว ที่สภาผู้แทนราษฎรมีมติยื่นถอดถอนเขาถึง 2 ครั้ง แต่รอดมาได้เมื่อวุฒิสภาลงมติว่าไม่ได้กระทำผิด
ส่วนผู้เชี่ยวชาญเรื่องอิมพีชเมนต์ บอกว่า ตกใจกับการตัดสินใจเปิดการไต่สวนเพื่อขอถอดถอนไบเดน และบอกด้วยว่า อาจเป็นการไต่สวนที่ไร้น้ำหนักมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ เพราะยังไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่าไบเดนกระทำความผิด
นอกจากนี้อาจารย์สอนกฎหมายรัฐธรรมนูญคนหนึ่ง บอกด้วยว่า อิมพีชเมนต์กลายเป็นเครื่องมือทางการเมืองที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย จนนำประเทศไปสู่ประชาธิปไตยวิบัติ