คณะกรรมการสอบสวนของรัสเซีย แถลงในวันอาทิตย์ (27 สิงหาคม) ว่า ผลการตรวจสอบทางพันธุกรรมเสร็จสิ้นแล้ว และสามารถระบุเอกลักษณ์บุคคลของศพทั้ง 10 ราย ที่กู้ได้จากเครื่องบินตก ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงมอสโกเมื่อวันพุธ โดยศพทั้ง 10 รายตรงกับรายชื่อทุกคนบนเครื่องบินลำนี้
ก่อนหน้านี้การบินพลเรืนรัสเซีย รายงานว่า เยฟเกนี พริโกซิน หัวหน้านักรับรับจ้างกลุ่ม แวกเนอร์ (Wagner) และแกนนำระดับสูงของกลุ่ม อยู่ในเครื่องบินลำนี้ ซึ่งรวมถึง ดมิทริ อุตคิน ผู้นำหมายเลข 2 ของแวกเนอร์
เหตุการณ์เครื่องบินตกเกิดขึ้นเพียงสองเดือนหลังจากพริโกซินนำนักรบเข้ายึดเมืองรอสตอฟ-ออน-ดอน และมุ่งหน้าสู่กรุงมอสโก เพื่อพยายามก่อกบฏ แต่ต่อมายอมยุติ และประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เรียกการก่อกบฏครั้งนั้นว่า เป็นการแทงข้างหลัง ข่าวการเสียชีวิตของพริโกซิน ทำให้เกิดกระแสข่าวสะพัดว่า ฝ่ายความมั่นคงรัสเซียมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้
อย่างไรก็ตามโฆษกทำเนียบเครมลิน แถลงเมื่อวันศุกร์ (25 สิงหาคม) ว่า การคาดเดาทั้งหมดเป็นการโกหกอย่างสิ้นเชิง
ขณะที่ประธานาธิบดีปูตินแสดงความเห็นครั้งแรกในวันพฤหัสบดี โดยกล่าวแสดงวามเสียใจแก่ครอบครัวของผู้เสียชีวิตทั้ง 10 ราย และบอกว่า พริโกซินเป็นคนฉลาด แต่ก็ทำสิ่งผิดพลาดร้ายแรง โดยไม่ระบุชัดเจนว่า พริโกซินเสียชีวิตจริงหรือไม่
และเมื่อวันศุกร์ปูตินลงนามในประกาศค่ำสั่งที่กำหนดให้นักรบกลุ่มแวกเนอร์และทหารรับจ้างอื่น ๆ ทั้งหมด ต้องปฏิญาณตนจงรักภักดีต่อรัสเซีย โดยให้มีผลบังคับใช้ทันที
นักวิเคราะห์ มองว่า คำสั่งดังกล่าวเป็นความพยายามของปูตินที่ต้องการควบคุมแวกเนอร์เพื่อให้แน่ใจว่า จะไม่เผชิญการก่อกบฏของแวกเนอร์เหมือนเมื่อเดือนมิถุนายน
เพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนพริโกซินก่อกบฏในเดือนมิถุนายน กระทรวงกลาโหมรัสเซียให้เวลานักรบรับจ้างทั้งหลายจนถึงวันที่ 1 กรกฎาคมในการสมัครเข้าเป็นทหารในสังกัดกองทัพ แต่พริโกซินปฏิเสธที่จะอยู่ภายใต้กระทรวงกลาโหม
ในขณะที่อนาคตของกลุ่มแวกเนอร์ที่มีสมาชิกราว 10,000 คน หลังการเสียชีวิตของพริโกซินยังไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร ประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโก ของเบลารุส ซึ่งเป็นพันธมิตรของประธานาธิบดีปูติน บอกว่า นักรบแวกเนอร์จะอยู่ในเบลารุสต่อไป ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า เขารับคำสั่งมาจากปูติน