ควันจากไฟป่าในแคนาดาลอยข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกไปถึงภาคตะวันตกเฉียงใต้ของยุโรปแล้วเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2566 โดยปกคลุมท้องฟ้าทั้งในสเปนและโปรตุเกส และสำนักงานสังเกตการณ์บรรยากาศโคเปอร์นิคัสของสหภาพยุโรป เปิดเผยเมื่อวันอังคารว่า จนถึงวันที่ 26 มิถุนายน ไฟป่าในภาคตะวันออกและตะวันตกของแคนาดาปล่อยคาร์บอนมากถึง 160 ล้านตัน ซึ่งสร้างสถิติมากที่สุดของแคนาดา นับตั้งแต่ดาวเทียมเริ่มบันทึกสถิติในปี 2546 โดยทำลายสถิติเดิมในปี 2557 ที่ไฟป่าปล่อยคาร์บอน 140 ล้านตัน
ปกติฤดูไฟป่าของแคนาดาอยู่ในช่วงเดือนมิถุนายน-สิงหาคม และจะถึงจุดสูงสุดช่วงกลางเดือนกรกฎาคม แต่ปีนี้เริ่มมีไฟป่าหลายร้อยจุดตั้งแต่ช่วงต้นเดือนพฤษภาคม และยังคงมีไฟป่าจุดใหม่เพิ่มขึ้นอีกเมื่อวันอาทิตย์และวันจันทร์
ไฟป่าปีนี้สร้างสถิติเผาผลาญพื้นที่มากเป็นประวัติการณ์แล้ว โดยข้อมูลจากศูนย์ไฟป่าแคนาดา ระบุว่า ไฟป่าในปีนี้เผาผลาญผืนป่าแล้ว 76,000 ตารางกิโลเมตร มากกว่าพื้นที่เสียหายจากไฟป่าในปี 2559, 2562, 2563 และ 2565 รวมกัน
และเพียงแค่ช่วงเริ่มต้นของฤดูไฟป่าปีนี้ มีผืนป่าถูกเผาวอดวายอย่างน้อย 19,027,114 เอเคอร์ ทำลายสถิติเก่าในปี 2532 ที่มีผืนป่าถูกเผาทำลาย 18,254,317 เอเคอร์
ขณะนี้มีไฟป่าเกือบ 500 จุดในหลายรัฐทางภาคตะวันตกและภาคตะวันออกของแคนาดา ซึ่งเกือบ 260 จุดยังคงควบคุมไม่ได้ และส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศทั่วอเมริกาเหนือ
ล่าสุดสหรัฐฯ ประกาศเตือนภัยคุณภาพอากาศจากควันไฟป่าในแคนาดาครอบคลุมพื้นที่ที่มีประชากรอาศัยกว่า 80 ล้านคนในแถบมิดเวสต์จนถึงชายฝั่งภาคตะวันออก ทำให้มีการปิดชายหาดหลายแห่ง ออกคำเตือนเรื่องทัศนวิสัย รวมทั้งแนะนำให้ประชาชนอยู่ในบ้านและเปิดเครื่องปรับอากาศ หรือสวมหน้ากาก N95 เมื่ออยู่กลางแจ้ง
ขณะที่เมืองชิคาโก, มิลวอกี และดีทรอยต์ ติดอันดับคุณภาพอากาศแย่ที่สุดในโลกเมื่อวันอังคาร (27 มิถุนายน) โดยช่วงหนึ่งชิคาโกมีดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) ที่ 228 หรืออยู่ในระดับที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างมาก และในมิลวอกีวัดได้ 221