อัยการฟ้องคู่สามี-ภรรยา คดีฆาตกรรม 'บยอน อายอง'

เว็บไซต์ข่าวภาษาอังกฤษ Khmer Times รายงานว่า คณะอัยการของกัมพูชาได้สั่งฟ้องคู่สามี-ภรรยาชาวจีน ในข้อหาฆาตกรรม "บยอน อายอง" (Byun Ah Yeong) หรือ "อายอง BJ AfreecaTV" วัย 33 ปี ที่ถูกพบเป็นศพอยู่ในคูน้ำที่จังหวัดกันดาล ชานกรุงพนมเปญ เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2566 ในสภาพถูกห่อด้วยผ้าสีแดง 

อายอง หรือ Bian Eying เป็น BJ (Broadcasting Jockey) เธอโด่งดังบนแพลตฟอร์มหลักสำหรับถ่ายทอดสด AfreecaTV มีผู้ติดตาม 150,000 คน และมียอดผู้ติดตามบนอินสตาแกรมมากกว่า 258,000 คน แต่เธอหยุดไลฟ์สตรีมไปตั้งแต่เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ก่อนจะประกาศผ่านทางแคปชันบนอินสตาแกรมว่า เธอต้องการจะยุติบทบาทการทำอาชีพเป็น BJ อยากใช้ชีวิตใหม่ในฐานะคนธรรมดา

จากการสืบสวนของหน่วยปฏิบัติการพิเศษ นำโดยสำนักงานตำรวจอาชญากรรมและตำรวจท้องที่ในกรุงพนมเปญ พบว่าคู่สามีภรรยาที่ถูกจับกุมคือ นายไหล โมว วัย 30 ปี กับนางไค โมว วัย 39 ปี ชาวจีนที่อาศัยอยู่ในกรุงพนมเปญ และเป็นเจ้าของคลินิกชื่อ Bokang Clinic ที่ยอมรับว่าเอาศพไปทิ้ง และถูกตั้งข้อหาฆาตกรรม

อัยการได้ให้คำจำกัดความของอาชญากรรมที่เกิดขึ้นว่า "เป็นการฆาตกรรมด้วยการทรมาน" ซึ่งถ้าพบว่ามีความผิดจริงตามข้อกล่าวหา ทั้งคู่อาจรับโทษจำคุกตลอดชีวิต แต่ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดของการทรมาน เนื่องจากสาเหตุของการเสียชีวิตที่แท้จริงของอายอง ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ และในขณะที่ทางการกัมพูชาเชื่อว่า จำเป็นต้องมีการชันสูตรพลิกศพเพื่อยืนยันสาเหตุ แต่มีรายงานว่าครอบครัวของผู้เสียชีวิตไม่เห็นด้วยกับขั้นตอนนี้ 

ตามรายงานของสื่อ อายองเดินทางไปกัมพูชากับคนรู้จักคนหนึ่งเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2566 รายงานผลการชันสูตรทางนิติวิทยาศาสตร์ชี้ว่า อายองมีร่องรอยบาดเจ็บที่ใบหน้าเป็นบริเวณกว้าง มีแผลลึก รอยไหม้ และรอยฟกช้ำถึงระดับที่ไม่สามารถระบุใบหน้าได้ ทั้งยังพบว่ากระดูกคอหักด้วย 

ตำรวจสามารถจับกุมคู่สามี-ภรรยา โดยแกะรอยจากลายนิ้วมือที่พบบนผ้าที่ห่อร่างของอายอง ทั้งคู่อ้างว่าอายองไปที่คลินิกของพวกเขาเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2566 เพื่อจะฉีดเซรั่มและสารชนิดหนึ่งเข้าเส้นเลือด ก่อนจะเกิดอาการชักเกร็งและหยุดหายใจ ทำให้พวกเขาต้องเอาศพไปทิ้ง ซึ่งเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2566 กระทรวงต่างประเทศของเกาหลีใต้ ได้ประกาศว่าทางการกัมพูชากำลังสืบสวนอย่างแข็งขันในคดีนี้ และได้จัดความช่วยเหลือที่จำเป็นทางกงสุลให้แก่ครอบครัวของผู้วายชนม์