โทษประหารชีวิตปีที่แล้ว ทำลายสถิติสูงที่สุด
เป็นที่ทราบกันดีว่าในบางประเทศยังคงมีการใช้โทษประหารชีวิตอยู่ โดยมีทั้งที่รายงานตัวเลขอย่างเป็นทางการและการประหารอย่างลับ ๆ ในขณะที่สิงคโปร์เป็นประเทศยังคงยึดโทษประหารชีวิต เป็นองค์ประกอบหลักของนโยบายด้านยาเสพติด
องค์การนิรโทษกรรมสากล เผยแพร่รายงานประจำปีเมื่อวันอังคาร (16 พฤษภาคม 2566) ว่ามีการใช้โทษประหารชีวิตทั่วโลกสูงถึง 883 ราย เมื่อปี 2565 เป็นระดับที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2560 โดยเฉพาะที่ตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ โดยในรายงานได้ระบุถึง 20 ประเทศ ที่เป็นที่ทราบกันดีว่ามีการประหารชีวิตนักโทษเพิ่มขึ้น 53% ในช่วง 12 เดือนก่อนหน้า ที่รวมทั้งนักโทษ "หลายพันคน" ที่ถูกประหารชีวิตอย่าง "ลับ ๆ" ในจีน และยังมีการประหารชีวิต "ที่น่าทึ่ง" 81 ราย ในวันเดียวที่ซาอุดิอาระเบียด้วย
เชื่อว่าจำนวนนักโทษประหารชีวิตในจีนจะสูงที่สุดเป็นอันดับ 1 แซงอิหร่าน (576 ราย), ซาอุดิอาระเบีย (196 ราย เป็นจำนวนที่สูงที่สุดในรอบ 30 ปี), อิยิปต์ (24 ราย) และสหรัฐฯ (18 ราย) รายงานระบุด้วยว่า โทษประหารชีวิตยังถูกใช้อย่างกว้างขวางในเกาหลีเหนือและเวียดนาม และเช่นเดียวกับจีน "ตัวเลขยังคงเป็นความลับ"
ประเทศในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือถูกระบุว่า "ฆ่ากันอย่างสนุกมือ" (killing sprees) โดยการลงโทษของรัฐ จากการที่มีการประหารชีวิตเพิ่มขึ้นในซาอุดิอาระเบีย, อิหร่านและอิยิปต์ และในขณะที่การปราบปรามผู้เห็นต่างของทางการเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ตัวเลขสูงขึ้น แต่เกือบ 40% ของการประหารชีวิต เป็นความผิดที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด รวมทั้ง 11 ราย ในสิงคโปร์
สำหรับสิงคโปร์ โทษประหารชีวิตเป็นองค์ประกอบหลักของนโยบายต่อต้านยาเสพติด มีนักโทษหลายสิบคนที่ถูกแขวนคอจากความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และสิงคโปร์ก็ไม่มีวี่แววว่าจะอ่อนข้อให้แต่อย่างใด และการใช้โทษประหารชีวิตของสิงคโปร์ตกเป็นที่สนใจของชาวโลกเมื่อเดือนแล้ว เมื่อมีการประหารชีวิตนักโทษคนแรกของปีนี้ ในความผิดฐานลักลอบนำกัญชากว่าหนึ่งกิโลกรัมเข้าไปในสิงคโปร์ และกลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลก ตอกย้ำกฎหมายที่เข้มงวดเกี่ยวกับยาเสพติด แต่เมื่อปีที่แล้วมีชาย 11 คน ถูกประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ แต่ทางการไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของคดี ส่วนข้อมูลของคนเหล่านี้ถูกรวบรวมผ่านการเปิดเผยของครอบครัว และองค์กรที่รณรงค์ในเรื่องนี้
หนึ่งในองค์กรนี้คือ Transformative Justice Collective หรือ TJC ในสิงคโปร์ ซึ่งเชื่อว่ามีนักโทษที่รอเข้ารับการประหารชีวิตในสิงคโปร์ 54 คน ในจำนวนนี้มีอยู่ 3 คน ที่กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และยังอ้างผลการวิจัยด้วยว่าเกือบ 2 ใน 3 ของผู้กระทำผิดที่ต้องโทษประหารชีวิต ในช่วงระหว่างปี 2563-2564 เป็นชาวมาเลย์ ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยในสิงคโปร์ ซึ่งตรงกับรายงานของผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ ที่ระบุว่าผู้ต้องโทษประหารชีวิตจำนวนมากเป็นชนกลุ่มน้อย
รายงานขององค์การนิรโทษกรรมสากล ระบุว่ามีความหวังที่บางประเทศได้ลดหรือยกเลิกโทษประหารชีวิตไปเลย ได้แก่ สาธารณรัฐแอฟริกากลาง, สาธารณรัฐอิเควทอเรียลกินี, คาซัคสถาน, ปาปัวนิวกีนี, เซียรา เลโอน และแซมเบีย
