svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

ผู้นำ RSF ในซูดานยันไม่เจรจา หากกองทัพไม่หยุดโจมตี

29 เมษายน 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ผู้นำกองกำลัง RSF ในซูดาน ที่กำลังต่อสู้แย่งชิงอำนาจกับฝ่ายกองทัพ ประกาศจะไม่ยอมเข้าร่วมการเจรจาจนกว่ากองทัพจะหยุดโจมตี ในขณะที่ยังมีการปะทะของสองฝ่ายนับจากมีการขยายเวลาหยุดยิงอีก 3 วัน

พลเอกโมฮาเหม็ด ฮัมดาน ดากาโล หรือรู้จักในชื่อ เฮเมดตี ผู้บัญชาการกองกำลังกึ่งทหาร RSF ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับบีบีซีว่า กองกำลังของพวกเขายังคงเผชิญการทิ้งระเบิดโจมตี นับตั้งแต่เริ่มขยายเวลาหยุดยิงอีก 72 ชม. ตั้งแต่วันศุกร์ (28 เมษายน 2566) และยืนยันว่า RSF ไม่ต้องการทำลายซูดาน พร้อมกับกล่าวโทษว่า พลเอกอับเดล ฟัตตาห์ อัล-บูร์ฮาน ผู้บัญชาการกองทัพ เป็นฝ่ายก่อความรุนแรง 

ผู้นำ RSF ในซูดานยันไม่เจรจา หากกองทัพไม่หยุดโจมตี

ในขณะที่พลเอกบูร์ฮาน ส่งสัญญาพร้อมเข้าร่วมการเจรจาตัวต่อตัวกับพลเอกเฮเมดตีที่ซูดานใต้ ซึ่งพยายามไกล่เกลี่ยหาทางยุติการสู้รบยืดเยื้อนาน 2 สัปดาห์ พลเอกเฮเมดตี บอกว่าการโจมตีต้องยุติก่อนจึงจะสามารถเจรจาได้ และบอกว่าเขาไม่ได้มีปัญหาส่วนตัวกับพลเอกบูร์ฮาน แต่มองว่านายพลคนนี้เป็นผู้ทรยศ และรัฐบาลของเขาหันไปภักดีต่อ อดีตประธานาธิบดีโอมาร์ อัล-บาชีร์ ที่ถูกกองทัพและ RSF ร่วมกันโค่นล้มให้พ้นตำแหน่งในปี 2562 หลังมีการประท้วงใหญ่ทั่วประเทศขับไล่อัล-บาชีร์ 

ผู้นำ RSF ในซูดานยันไม่เจรจา หากกองทัพไม่หยุดโจมตี

 

ในปี 2564 ทั้งเฮเมดตีและบูร์ฮาน ล้มเลิกข้อตกลงที่จะแบ่งปันอำนาจแก่พลเรือน และเข้าควบคุมอำนาจบริหารอย่างเบ็ดเสร็จ แต่ในปีนี้สองฝ่ายมีความเห็นต่างกันเกี่ยวกับแนวทางการเปลี่ยนผ่านเพื่อคืนอำนาจให้พลเรือน โดยเฉพาะในประเด็นที่จะให้ยุบกองกำลัง RSF ที่มีทหาร 100,000 นาย เข้าเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพ

ผู้นำ RSF ในซูดานยันไม่เจรจา หากกองทัพไม่หยุดโจมตี

การสู้รบเพื่อแย่งชิงอำนาจระหว่างสองฝ่ายที่เริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน 2566 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 512 ราย และผู้บาดเจ็บ 4,193 ราย แต่ตัวเลขที่แท้จริงอาจสูงกว่านี้ และประชาชนหลายล้านคนติดอยู่ในกรุงคาร์ทูม ที่มีการยิงสู้รบและการโจมตีทางอากาศ ท่ามกลางการขาดแคลนอาหาร น้ำ และเชื้อเพลิง 

ผู้นำ RSF ในซูดานยันไม่เจรจา หากกองทัพไม่หยุดโจมตี

และมีรายงานว่าเครื่องบินซี-130 ของกองทัพตุรกี ถูกยิงขณะพยายามลงจอดที่สนามบินนอกกรุงคาร์ทูม เพื่อปฏิบัติภารกิจอพยพพลเมืองออกจากซูดานเมื่อเช้าวันศุกร์ โดยมีรอยกระสุนจากปืนขนาดเล็กแต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ และ RSF ปฏิเสธข้อกล่าวหาของกองทัพว่าเป็นฝ่ายยิงเครื่องบินลำนี้ 

ผู้นำ RSF ในซูดานยันไม่เจรจา หากกองทัพไม่หยุดโจมตี

ขณะที่พลเมืองซูดานและอีกหลายประเทศยังคงหลั่งไหลไปที่เมืองพอร์ตซูดาน เพื่อรอขึ้นเรือออกจากซูดานไปยังซาอุดิอาระเบีย ล่าสุดมีรายงานว่ารัฐบาลสหรัฐฯ เริ่มภารกิจอพยพพลเมืองออกจากซูดานแล้ว โดยพลเมืองราว 300 คน ขึ้นรถบัสออกจากกรุงคาร์ทูมไปยังเมืองพอร์ตซูดาน โดยมีการใช้โดรนบินคุ้มกันตลอดเส้นทาง และมีเรือของกองทัพเรือรออยู่นอกชายฝั่งของซูดาน เพื่อเตรียมรับผู้อพยพกลับประเทศ ซึ่งนับเป็นภารกิจอพยพลเมืองครั้งแรก หลังจากใช้เครื่องบินทหารอพยพนักการทูตออกจากซูดานเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2566 จนเกิดเสียงวิจารณ์ว่า รัฐบาลไม่ได้พยายามจะอพยพพลเมืองที่มีอยู่ราว 16,000 คนในซูดาน

ผู้นำ RSF ในซูดานยันไม่เจรจา หากกองทัพไม่หยุดโจมตี

นอกจากนี้กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงเมื่อวันศุกร์ว่า มีพลเมืองอเมริกันไม่กี่ร้อยคนเดินทางออกจากซูดานทั้งในทางบก ทะเล หรืออากาศ โดยระบุว่ามีพลเมืองไม่ถึง 5,000 คน ขอข้อมูลเพิ่มเติมจากกระทรวงต่างประเทศเพื่อหาทางออกจากซูดาน และมีเพียงส่วนน้อยที่ขอความช่วยเหลือเพื่อออกจากซูดาน

ผู้นำ RSF ในซูดานยันไม่เจรจา หากกองทัพไม่หยุดโจมตี

logoline