ขบวนรถเกือบ 65 คัน ที่บรรทุกคนเกือบ 700 คน ซึ่งมีทั้งเจ้าหน้าที่ของสหประชาชาติ เอ็นจีโอ เจ้าหน้าที่สถานทูตและครอบครัว วิ่งออกจากกรุงคาร์ทูมไปยังเมืองท่าเรือพอร์ต ซูดานในทะเลแดงเป็นระยะทางไกลถึ ง 800 กม. เมื่อวันอาทิตย์ เพื่อโดยสารเรือมุ่งหน้าไปยังท่าเรือเจดดาห์ของซาอุดิอาระเบีย
ส่วนชาติตะวันตก อย่าง สหรัฐฯ สเปน เยอรมนี ได้ส่งเครื่องบินทหารไปอพยพนักการทูต หรือ พลเมืองออกจากซูดานแล้วตั้งแต่วันอาทิตย์ และพลเมืองบางชาติก็เดินทางกลับถึงประเทศแล้วในวันจันทร์ สหภาพยุโรป เปิดเผยว่า มีพลเมืองอียูมากกว่า 1,000 ได้รับกาอรพยพออกมาแล้ว และปฏิบัติการประสบความสำเร็จดี
นอกจากนี้ในวันจันทร์อีกหลายประเทศทั้งจากยุโรป ตะวันออกกลาง แอฟริกา และเอเชีย ก็ทยอยดำเนินการนักการทูตและพลเมืองทั้งทางถนน ทางอากาศ และทางทะเล โดยอินเดียเร่งอพยพพลเมืองเกือบ 500 คน ที่ได้รับการเคลื่อนย้ายไปถึงเมืองพอร์ต ซูดาน โดยส่งเรือและเครื่องบินเตรียมนำพลเมืองกลับประเทศ
ขณะที่ชาวซูดานจำนวนมากรวมถึงชาวอียิปต์ และชาวต่างชาติ ที่ไม่สามารถออกจากซูดานโดยทางเครื่องบินได้ เสี่ยงนั่งรถบัสเป็นระยะทางไกลและอันตรายข้ามพรมแดนทางตอนเหนือของซูดานเข้าไปในอียิปต์
ชาวซูดาน กังวลว่า การอพยพของชาวต่างชาติสะท้อนว่า ชาติมหาอำนาจมองว่า การสู้รบในซูดานที่เริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 15 เม.ย. จะเลวร้ายลงอีก หลังความพยายามหยุดยิงล้มเหลวหลายครั้ง และหากการอพยพสิ้นสุดลง การต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจระหว่างกองทัพและกองกำลังกึ่งทหาร RSF จะยกระดับรุนแรงยิ่งขึ้น
ส่วนสถานการณ์สู้รบในซูดานทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 420 ราย ซึ่งเป็นพลเรือน 264 ราย และมีผู้บาดเจ็บอีกกว่า 3,700 ราย และประเทศซูดานใต้ รับผู้อพยพที่หนีออกจากซูดานไว้เกือบ 10,000 คนในช่วงหลายวันที่ผ่านมา
อันโตนิอู กูแตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวในการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงในวันจันทร์ว่า ยูเอ็นย้ายเจ้าหน้าที่และครอบครัวหลายร้อยคนออกจากกรุงคาร์ทูม และบางพื้นที่ในซูดาน แต่ยืนยันไม่ได้ทอดทิ้งซูดาน และยังสนับสนุนความปรารถนาของชาวซูดานที่ต้องการอนาคตที่สันติและปลอดภัย รวมทั้งจะยังพยายามร่วมมือกับชาติหุ้นส่วนเพื่อทำให้การสู้รบระงับอย่างถาวรโดยเร็วเท่าที่เป็นไปได้ และกำลังทำงานร่วมกับองค์กรด้านมนุษยธรรมในพื้นที่เพื่อให้ความช่วยเหลือชาวซูดาน