นาย ดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าพบพลเอกอาวุโสมินอ่องหล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา ที่กรุงเนปิดอว์ เมื่อไม่กี่วันก่อน พร้อมหารือถึงความร่วมมือสามฝ่าย ระหว่างไทย ลาว และเมียนมา ถึงการลดผลกระทบจากปัญหามลพิษข้ามพรมแดน
ทั้งสองฝ่ายยังหารือในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสันติภาพและเสถียรภาพในพื้นที่ชายแดนของสองประเทศ การแก้ไขปัญหาค้ามนุษย์ ลักลอบขนยาเสพติดและการค้าอาวุธ ความร่วมมือทางการค้าและการลงทุน รวมถึงการต่อสู้กับการค้าการลงทุนที่ผิดกฎหมาย
แต่ความสัมพันธ์ที่แนบแน่นระหว่างไทยกับเมียนมา ก็ทำให้ผู้เชี่ยวชาญและกลุ่มสิทธิมนุษยชน แสดงความเป็นห่วงว่า กลุ่มต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมาซึ่งเคลื่อนไหวอยู่ในไทย อาจถูกทางการไทยจับกุมแล้วส่งตัวกลับเมียนมา
เมื่อวันที่ 1 เมษายน ที่ผ่านมา ทางการไทยเพิ่งจับกุมสมาชิกกลุ่มเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมา จำนวน 3 คน ตรงอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก โทษฐานเข้าประเทศผิดกฎหมาย หลังจากสามคนนี้ ลอบหนีเข้ามาทางฝั่งไทยเพื่อมารักษาตัว จากการถูกกองกำลังพิทักษ์พรมแดนของเมียนมายิงจนได้รับบาดเจ็บ
ผู้เชี่ยวชาญจากฝั่งไทย บอกว่า การที่ไทยจับสมาชิกกลุ่มต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมาส่งกลับประเทศ เหมือนเป็นการส่งสัญญาณให้เมียนมาไว้ใจว่า ถึงแม้ไทยจะช่วยเหลือเมียนมาไม่ได้มาก ในเวทีประชาคมโลก และไทยก็ไม่ต้องการแสดงให้ชาวโลกเห็นว่า เป็นเพื่อนกับเมียนมา แต่กับสถานการณ์ตามแนวพรมแดนแล้ว ไทยพร้อมสนับสนุนกองทัพเมียนมา ให้อาหาร หรือพยายามจับกุมกลุ่มต่อต้านส่งกลับไปให้เมียนมา
ไทยกับเมียนมามีพรมแดนเชื่อมต่อกันยาว 2,414 กิโลเมตร ทำให้ไทยกลายเป็นจุดหมายที่คนเมียนมามักหลบหนีเข้ามา
สหประชาชาติระบุว่า มีผู้ลี้ภัยจากเมียนมา 91,000 คน อาศัยอยู่ในไทย แต่ในท้ายที่สุด รัฐบาลไทยก็ต้องการปิดค่ายผู้ลี้ภัยเมียนมาทั้งหมดลง
ด้านกลุ่ม Human Rights Watch และรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ ซึ่งเป็นรัฐบาลเงาเมียนมา ก่อตั้งโดยนักการเมืองที่ถูกขับจากอำนาจหลังการก่อรัฐประหาร ก็มองว่า การที่ไทยส่งตัวผู้ลี้ภัยเมียนมาสามคน กลับประเทศ ไม่ถือเป็นการปฏิบัติตามอนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการทรมาน และการกระทำอื่นๆที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี ซึ่งไทยเคยให้สัตยาบันไว้