โดรน XAG P100 Agricultural Drone สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระ และกำหนดจุดเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ จึงช่วยงานเกษตรกรผู้ปลูกสวนผลไม้ได้อย่างดี ในช่วงที่กำลังเกิดปัญหาขาดแคลนคนงาน อีกทั้งยังช่วยประหยัดการใช้ยาฆ่าแมลงและปุ๋ย เพราะโดรนจะสามารถพ่นยาและปุ๋ยออกมาได้อย่างตรงจุดจริงๆ
XAG บริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยีทางการเกษตรของจีน ผู้คิดค้นโดรนรุ่นนี้ บอกว่า ปัญหาการขาดแคลนแรงงานภาคการเกษตร จะได้รับการแก้ไขผ่านการใช้โดรน อุปกรณ์ที่ช่วยทุ่นเวลาและแรงงานในสวนผลไม้
การส่งออกผลไม้เมืองร้อน ถือเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจเวียดนาม โดยเฉพาะการส่งออกกล้วยและทุเรียน โดยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีก่อน ( 2022 ) เวียดนามส่งออกทุเรียนได้เพิ่มขึ้นถึง 137% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ส่วนการส่งออกกล้วยก็ขยายตัวถึง 34.5% เมื่อปีที่แล้ว
กล้วยและทุเรียนมักปลูกในสภาพอากาศร้อนชื้น ซึ่งก็ง่ายที่จะติดเชื้อและมีแมลงมากัดกิน การพ่นยาและปุ๋ยต้องทำหลายรอบในช่วงฤดูกาลเพาะปลูก เกษตรกรจึงมีต้นทุนเพิ่มทั้งในด้านการจ้างแรงงานคนมาช่วยพ่น รวมถึงค่าปุ๋ย แม้การทำสวนผลไม้จะได้กำไรดี แต่เกษตรกรในเวียดนามก็ยังต้องเจอแรงกดดันสารพัด
เกษตรกรส่วนใหญ่ในเวียดนามมักพึ่งพาแรงงานคนในการทำสวนกล้วย และถ้าสวนกล้วยมีขนาดเกิน 6 ไร่ขึ้นไป พวกเขาก็มักจ้างคนงานมาช่วยรดน้ำ ใส่ปุ๋ยและกำจัดแมลง ดังนั้น การขาดแคลนคนงาน จึงเป็นปัญหาใหญ่ของเกษตรกร แต่ปีนี้ ปัญหาได้รับการแก้ไข เพราะหลายคนหันมาใช้โดรน ซึ่งช่วยพ่นยาและปุ๋ยในสวนกล้วย 120 ถึง 200 ไร่ ได้แล้วเสร็จ ภายในวันเดียว หรือเท่ากับต้องใช้คนงานมากถึง 20 คน ทำงานพร้อมๆ กัน
สมัยก่อน เกษตรกรสวนกล้วยจะพ่นยาและปุ๋ยสองครั้งต่อเดือน โดยใช้แรงงานคน ซึ่งก็มักทำงานได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ และเมื่อเข้าสู่หน้าฝน ที่กล้วยแตกหน่อมากขึ้น เกษตรกรก็ต้องจ้างคนงานมากขึ้น มาช่วยพ่นยา
การใช้โดรนจึงเป็นประโยชน์ เพราะสามารถกำหนดพิกัดที่จะพ่นยาได้อย่างแม่นยำ และยาฆ่าแมลงที่พ่นออกมาเป็นหยดเล็กๆ แต่ถี่ๆ จึงช่วยประหยัดปริมาณการใช้ยาฆ่าแมลงได้ถึง 70% ประหยัดการใช้น้ำถึง 80% ประหยัดการใช้ปุ๋ยถึง 60% เกษตรกรยังไม่ต้องทนแบกถังยาฆ่าแมลงไว้กลางหลัง ซึ่งจะทำให้สุขภาพได้รับผลกระทบในระยะยาว
ส่วนสวนทุเรียนในเวียดนามก็พึ่งพาโดรนเช่นกัน เพราะทุเรียนส่งออกต้องได้คุณภาพดี อีกทั้งยังมีข้อจำกัดเยอะเรื่องการพ่นยาและอื่นๆ ที่ต้องได้มาตรฐาน การใช้โดรนมาช่วยแบ่งเบาภาระ จึงทำให้เกษตรกรสวนทุเรียนขนาด 25 ไร่ในเวียดนาม ลดต้นทุนไปได้ถึง 60%
เกษตรกรรายนี้ ยังบอกว่า การรดน้ำพ่นยาสมัยก่อนจะใช้เวลานานถึง 8 ชั่วโมง แต่พอมีโดรนเข้ามาช่วย ก็ใช้เวลาเหลือแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น จากเดิมที่ต้องจ้างคนถึง 10 คน แต่ตอนนี้ ก็เหลือแค่ 2 คน ปัญหาการพ่นยาซ้ำกันในบางพื้นที่ หรือพ่นยาไม่ตรงจุด จึงไม่มีอีกเลย
การส่งออกผลไม้สดของเวียดนาม คาดว่า จะมีมูลค่าสูงถึง 4 พันล้านดอลลาร์ ในปีนี้ ( 2023 ) หรือกว่า 1 แสน 3 หมื่นล้านบาท สูงขึ้นจากปีก่อนหน้า 20% โดยครึ่งหนึ่งเป็นการส่งออก แก้วมังกร กล้วย และทุเรียน การใช้เทคโนโลยีทางการเกษตรเข้าช่วย น่าจะทำให้อนาคตการส่งออกผลไม้ของเวียดนามสดใสมากขึ้น
ส่วนฟาร์มอินโน ( ไทยแลนด์ ) โดยกลุ่มบริษัท เจียไต๋ จำกัด ผู้นำธุรกิจด้านนวัตกรรมการเกษตรของไทย ก็เปิดตัวการใช้โดรนรุ่นนี้จากประเทศจีน มาช่วยงานทางด้านการเกษตรเช่นกัน โดยเพิ่งเปิดตัวไปเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา