
ผู้บัญชาการของหน่วยขีปนาวุธภาคพื้นสู่อากาศ Tor-M1 ยิงขีปนาวุธ 2 ลูก ใส่เครื่องบินของยูเครนโดยไม่ได้รับอนุญาตและฝ่าฝืนคำสั่ง และด้วยผลกระทบและผลลัพธ์ใหญ่หลวงที่ตามมา ทำให้จำเลยคนสำคัญต้องได้รับโทษหนักที่สุดด้วยการจำคุกนาน 10 ปี ส่วนทหารอีก 9 นาย ได้รับโทษจำคุกต่างกันตั้งแต่ 1-3 ปี แต่ไม่มีการเปิดเผยชื่อจำเลยทั้ง 10 คน
คำตัดสินดังกล่าวยังสามารถอุทธรณ์ได้ และศาลทหารได้รับคำสั่งให้สอบสวนบุคคลอื่น ๆ เพิ่มเติมที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ในกรุงเตหะรานของอิหร่านในเช้าวันที่ 8 ม.ค. 2563 ตอนแรกทางการอิหร่านปฏิเสธว่า ไม่ได้ยิงเครื่องบินลำดังกล่าว ก่อนยอมรับความผิดพลาดในอีก 3 วันถัดมา
รายงานผลการสอบสวนสรุปว่า การยิงเครื่องบินลำนี้เป็นผลมาจากความผิดพลาดของมนุษย์ เนื่องจากทหารในหน่วยระบบป้องกันภัยทางอากาศของอิหร่านยิงขีปนาวุธใส่เครื่องบิน โดยยังไม่ได้รับคำสั่งชัดเจนอย่างเหมาะสมจากผู้บังคับบัญชาระดับสูงกว่า โดยเข้าใจผิดคิดว่า เครื่องบินเป็นขีปนาวุธที่ยิงใส่กรุงเตหะราน
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจาก IRGC ยิงขีปนาวุธใส่ฐานทัพสหรัฐฯ 2 แห่งในอิรัก เพื่อตอบโต้ที่สหรัฐฯ ใช้โดรนสังหารพลเอก กัสเซ็ม สุไลมานี ผู้บัญชาการระดับสูงของ IRGC ที่สนามบินในกรุงแบกแดดของอิรักเมื่อวันที่ 3 ม.ค. 2563
และคำตัดสินสอดคล้องกับรายงานดังกล่าวที่ระบุว่า ผู้บัญชาการของหน่วยขีปนาวุธไม่ฟังคำสั่งที่ให้รอการอนุญาตโดยตรงในการยิงขีปนาวุธ ในช่วงเวลาแห่งความโกลาหลในคืนนั้นที่อิหร่านคาดว่า อาจมีการโจมตีจากสหรัฐฯ เพื่อเป็นการตอบโต้
ศาลแคนาดามีคำตัดสินในปี 2564 ว่า เหตุการณ์ยิงเครื่องบินยูเครนเป็นการกระทำของการก่อการร้าย แต่อิหร่านโต้แย้งว่าคดีนี้กำลังถูกโยงเป็นเรื่องการเมือง และอีกศาลหนึ่งของแคนาดามีคำสั่งให้จ่ายเงินชดเชยรวมหลายสิบล้านดอลลาร์แก่บางครอบครัวด้วยเงินจากทรัพย์สินของอิหร่านในแคนาดา
ต่อมาในช่วงปลายปี 2563 รัฐบาลอิหร่านประกาศจะจ่ายเงินชดเชยแก่ครอบครัวของผู้เสียชีวิตรายละ 150,000 ดอลลาร์ และต่อมาแจ้งว่าได้เริ่มจ่ายเงินแล้ว แต่รายงานข่าวไม่ทราบแน่ชัดว่าจ่ายจำนวนเท่าใด