
การเฉลิมฉลองด้วยการยิงปืน เป็นส่วนหนึ่งของการแสดงความเป็นลูกผู้ชาย และถูกใช้เป็นทางเลือกแทนดอกไม้ไฟ และไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะทางภาคเหนือของอินเดีย เพราะยังพบได้ทั่วไปในอัฟกานิสถาน บางพื้นที่ของตะวันออกกลาง บอลข่านและที่อื่น ๆ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วการยิงปืนขึ้นฟ้าเกิดจากความเชื่อผิด ๆ ว่าจะไม่ทำให้ใครบาดเจ็บ แต่จากการศึกษาของแพทย์ที่โรงพยาบาลในลอสแองเจลิส พบว่า ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากการสุนปืนที่ยิงขึ้นฟ้าตกใส่ มีแนวโน้มที่จะเสียชีวิตมากกว่าผู้ที่ถูกยิงตามปกติ
ประเด็นการ "ยิงปืนในงานแต่งงาน" ได้จุดกระแสขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อมีข่าวตำรวจกำลังตามล่าหาตัวเจ้าสาวคนหนึ่ง ยิงปืนขึ้นฟ้าในงานแต่งงานของตัวเองถึง 4 นัด ในขณะที่เจ้าบ่าวนั่งตัวเกร็งอยู่ข้าง ๆ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในรัฐอุตรประเทศ และถูกบันทึกเป็นคลิปวิดีโอโดยญาติของเจ้าสาวและนำไปโพสต์ลงโซเขียลมีเดีย และเมื่อคลิปวิดีโอเป็นไวรัลเจ้าสาวกลัวความผิดได้หลบหนีไปตั้งแต่ตอนนั้น โดยแม้จะเป็นธรรมเนียมที่ปฏิบัติมาอย่างยาวนาน แต่อินเดียมีกฎหมายระบุไว้ว่า "ใครก็ตามที่ใช้อาวุธปืนโดยพลั้งเผลอหรือประมาทเลินเล่อ หรือยิงปืนเพื่อเฉลิมฉลอง ทำให้ผู้อื่นตกอยู่ในอันตราย อาจได้รับโทษจำคุกหรือปรับหรือทั้งจำทั้งปรับ"
เคสเจ้าสาวที่หลบหนี เกิดขึ้นหลังมีคลิปวิดีโอความยาว 13 วินาที ที่บันทึกได้จากงานแต่งงานที่รัฐมหาราษฏระ แสดงให้เห็นเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวโพสต์ท่าอยู่บนเวที โดยทั้งคู่ถือปืนประกายไฟ (sparkle guns) แต่แทนที่จะได้ภาพตามที่ต้องการกลับกลายเป็นว่า ปืนในมือของเจ้าสาวได้ระเบิดใส่หน้าของเธอ เธอทิ้งปืนทันทีและทุกคนรีบเข้าไปช่วยเหลือ นอกจากเหตุการณ์นี้ก็ยังมีอีกหลายเหตุการณ์ที่จบไม่สวย เช่น ช่างภาพในงานแต่งงานหนึ่งเสียชีวิตจากการถูกญาติของเจ้าบาวยิง ในช่วงการเฉลิมฉลองที่จู่ ๆ เขาก็ควักปืนออกมายิง นอกจากนี้ยังมีเด็กสาววัย 17 ปี ที่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกยิงเช่นกัน
มีงานหนึ่งที่พ่อเข้าบ่าวฉลองด้วยการยิงปืน ทำให้เด็กผู้ชายวัย 12 ปี กับผู้หญิงอีกคนที่แค่ไปยืนดู ได้รับบาดเจ็บ แม้แต่ในเมืองหลวงอย่างกรุงนิวเดลี ก็มีเหตุร้ายในงานแต่งงาน เมื่อหนึ่งในแขกที่ไปร่วมงาน เกิดความสนุกสุดเหวี่ยง ชักปืนลูกซองออกมายิงขึ้นฟ้าและยิงลงพื้น ทำให้เพื่อนเจ้าบ่าวและสมาชิกวงดนตรีที่มาแสดงในงานถูกกระสุนปืนได้รับบาดเจ็บไป 5 คน แค่เฉพาะเดือนกุมภาพันธ์ก็มีผู้เสียชีวิตจากการยิงปืนฉลองงานแต่งงานในรัฐอุตรประเทศไป 4 คน และอีกเหตุการณ์หนึ่งที่เจ้าบ่าวได้รับบาดเจ็บเอง เพราะแขกคนหนึ่งยิงปืนขึ้นฟ้า มีเคสที่ร้ายแรงเมื่อผู้พิพากษาในกรุงนิวเดลี ตัดสินจำคุกชายคนหนึ่งเป็นเวลา 25 เดือน หลังจากใช้ปืนไรเฟิลยิงฉลองในงานแต่งงานเมื่อปีที่แล้ว หลังทำให้ลุงเจ้าบ่าวเสียชีวิต
ผู้พิพากษาที่ต้องตัดสินคดีพวกนี้บอกว่า การยิงปืนในงานแต่งงานกลายเป็นแฟชั่น ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลจะกระชับขั้นตอนการออกใบอนุญาตขายอาวุธ และพัฒนากลไกที่แข็งแกร่งเพื่อให้แน่ใจว่าใบอนุญาตเหล่านี้จะไม่ถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด ขณะที่ศาลในรัฐอุตรประเทศระบุว่า คนที่ทำให้เทรนด์นี้ขยายเป็นความรุนแรงจะต้องถูกจับ ซึ่งตอนนี้มีหลายครอบครัวแล้วที่ไม่กล้าฉลองงานแต่งงานด้วยการยิงปืน บางงานระบุไว้ชัดเจนในบัตรเชิญว่า "ขอร้อง : โปรดอย่างหลงระเริงไปกับการยิงปืนเฉลิมฉลองและฤทธิ์ของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์"
จากตัวเลขที่เปิดเผยโดยแพทย์หลายคน ระบุว่ามีคนที่เป็นเหยื่อกระสุนที่ถูกยิงขึ้นฟ้าในงานแต่งงาน 118 คน ช่วงระหว่างปี 2528-2535 และพบว่าอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุในงานแต่ง มากกว่าอัตราการเสียชีวิตจากการถูกยิงทั่วไป เพราะ กระสุนที่ถูกยิงขึ้นฟ้าจะมีอัตราการเดินทางที่ช้ากว่ากระสุนที่ถูกยิงไปตรง ๆ แต่จะพุ่งตรงเจาะศีรษะของเหยื่อเป็นส่วนใหญ่ จากการศึกษาพบว่ากระสุนที่ตกสู่พื้น จะมีความเร็วระหว่าง 90-180 เมตรต่อวินาที แรงพอที่จะเจาะกระโหลกศีรษะ
ในประเทศมาเซโดเนียเคยมีการรณรงค์ทางโทรทัศน์และวิทยุ เมื่อปี 2548 ให้เลิกฉลองด้วยการยิงปืนว่า "กระสุนไม่ใช่บัตรอวยพร เฉลิมฉลองด้วยการไม่ใช้อาวุธ" (Bullets are not greetings cards - celebrate without weapons)