
ผู้เชี่ยวชาญการทหารของจีน บอกว่า การซ้อมรบครั้งนี้ พุ่งเป้าไปที่การรับมือภัยคุกคามความมั่นคงแบบที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝัน ซึ่งการซ้อมรบโดยใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ยิงแบบจริงๆ มีอยู่ 10 หลักสูตรด้วยกัน ทั้ง การแจ้งเตือนและการกักกัน การช่วยเหลือตัวประกัน การทำลายเชื้อโรคระบาด และการเก็บกู้ทุ่นระเบิดและวัตถุระเบิด
พิธีปิดการซ้อมรบยังได้รับการจัดขึ้น โดยมีผู้สังเกตการณ์จาก 9 ประเทศในอาเซียน ตลอดจนอุปทูตจากหลายประเทศที่ประจำอยู่ในกัมพูชาเข้าร่วมพิธี ซึ่งเจ้าหน้าที่การทหารและกลาโหมจากทั้งฝั่งจีนและกัมพูชา ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า การซ้อมรบร่วมจะช่วยส่งเสริมมิตรภาพระหว่างสองประเทศ เพิ่มความร่วมมือด้านความมั่นคง สร้างสันติภาพและเสถียรภาพให้บังเกิดในภูมิภาค และคาดว่า มีแนวโน้มที่จะจัดการซ้อมรบเพิ่มเติมในอนาคต
การซ้อมรบครั้งนี้ มีกองกำลังเข้าร่วมกว่า 3 พันนาย จากทั้งจีนและกัมพูชา ซึ่งทางฝั่งจีนก็ส่งกองกำลังจากกองทัพบก กองทัพเรือและฝ่ายส่งกำลังบำรุงเข้าร่วม ถือเป็นครั้งที่ห้าแล้วที่จีนกับกัมพูชาจัดการซ้อมรบร่วมภายใต้ชื่อรหัส มังกรทอง
ก่อนจะมีการซ้อมรบ มังกรทอง 2023 เกิดขึ้น ทางฝั่งจีนและกัมพูชาก็ได้ส่งเรือรบมาซ้อมรบร่วมกัน เมื่อกลางเดือนที่แล้ว ( มีนาคม ) ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
โดยเรือรบ จิงกังซาน ของจีนได้เดินทางนานเกือบ 100 ชั่วโมง จากมณฑลกวางตุ้งทางใต้ของจีน มาถึงน่านน้ำกัมพูชา และปฏิบัติการซ้อมรบทันที ครอบคลุมไปที่ความร่วมมือด้านระบบนำทางและการสื่อสาร เพื่อพิสูจนให้เห็นว่า ทหารเรือจีนรวมถึงเรือรบสามารถตรงเข้าจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินได้ทันท่วงที แม้จะเดินทางมาเป็นระยะไกล หรือเผชิญกับความซับซ้อนของสถานการณ์และการเปลี่ยนแปลงของอากาศ
เรือรบ จิงกังซาน ของจีน ได้สื่อสารไปยังเรือลาดตระเวณสองลำของกองทัพเรือกัมพูชา เพื่อจัดวางระบบสื่อสารร่วมกันก่อนจะมีการซ้อมรบตามหลักสูตรต่างๆ ที่วางไว้ ถือเป็นครั้งแรกที่กองทัพจีนและกัมพูชา ได้มีการซ้อมรบทางทะเลร่วมกันในแบบนี้ และคาดว่า จะจัดให้มีอีกในอนาคต
เรือรบ จิงกังซาน ยังได้นำกองทัพบก กองทัพเรือ และฝ่ายส่งกำลังบำรุงของจีน เข้าร่วมปฏิบัติการซ้อมรบ มังกรทอง 2023 กับกัมพูชา ซึ่งถือเป็นการซ้อมรบร่วมกันในระดับสูง และก็ได้มีพิธีปิดไปแล้ว