ตำรวจระบุว่า โรงเรียนที่เกิดเหตุมีชื่อว่า โรงเรียน Covenant เป็นโรงเรียนประถมเอกชนของชาวคริสต์ในเมืองแนชวิลล์ รัฐเทนเนสซี รับนักเรียนตั้งแต่อายุ 3 - 11 ปี
ผู้ยิงเป็นผู้หญิงผิวขาว มีชื่อว่า ออเดรย์ เฮล เป็นกลุ่มรักร่วมเพศอายุ 28 ปี เป็นคนของเมืองนี้เช่นกัน บุกเข้ามาที่ตึกเรียนจากประตูข้าง อาวุธที่ใช้มีทั้งปืนเล็กยาวจู่โจม 2 กระบอก และปืนสั้นอีกหนึ่งกระบอกเป็นอย่างน้อย โดยได้มาอย่างถูกกฎหมายและหาซื้อในพื้นที่
ตำรวจเชื่อว่า ผู้ยิงเคยเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้เช่นกัน ถูกวิสามัญฆาตกรรมระหว่างยิงต่อสู้กับตำรวจ ถือเป็นเหตุกราดยิงครั้งที่ 129 ที่เกิดในสหรัฐปีนี้ ( 2023 ) จากข้อมูลของ the Gun Violence Archive
ด้านประธานาธิบดี โจ ไบเดน เรียกร้องให้สภาคองเกรส จัดการเกี่ยวกับความรุนแรงที่เกิดจากอาวุธปืน ซึ่งก็ต้องตั้งต้นไปที่คำนิยามก่อนว่า อาวุธประเภทใดจะถูกจัดว่าเป็นอาวุธจู่โจม ซึ่งก็ยังมีข้อโต้แย้งมากมายเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทั้งที่กว่า 85% ของเหตุกราดยิงในที่สาธารณะ มักเกี่ยวข้องกับอาวุธทำนองนี้
ด้านสำนักงานแอลกอฮอล อาวุธปืนและยาสูบ ของสหรัฐ ยังคงขึ้นบัญชีอาวุธทหารว่า เป็นอาวุธที่ยิงกระสุนออกมาได้ทั้งแบบอัตโนมัติและกึ่งอัตโนมัติ และแม้จะเกิดเหตุกราดยิงเพิ่มขึ้นโดยใช้อาวุธประเภทนี้ แต่ สส.สหรัฐก็ยังคงไม่เห็นด้วยที่จะแบนอาวุธกึ่งอัตโนมัติ
ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ แม้จะมีข้อเสนอใดใดก็ตามให้แบนอาวุธปืน แต่ก็ยังมีเสียงคัดค้านอย่างหนักในสภา ทำให้ไม่สามารถผ่านออกมาเป็นกฎหมายระดับประเทศได้ แต่ศาลสูงสุดในสหรัฐอาจตัดสินในไม่ช้า ว่า จะให้ข้อเสนอแบนอาวุธปืนเป็นกฎหมายรัฐธรรมนูญหรือไม่
สื่อในแนชวิลล์รายงานว่า โรงเรียนเอกชนจะมีหลักสูตรตั้งแต่ปีที่แล้ว สอนเด็กๆ ให้รับมืออย่างไรกรณีเกิดเหตุกราดยิง โดยหลักสูตรนี้ มีรัฐบาลเป็นผู้ให้งบ สอนนักเรียนนักศึกษาทุกคนในสหรัฐว่า ถ้าเกิดเหตุกราดยิง ให้ใช้วิธี วิ่งหนี ซ่อนตัว หรือไม่ก็ต่อสู้
วิธีนี้สร้างความตกใจให้แก่พ่อแม่บางคน ที่ไม่อยากให้เด็กๆ ลุกขึ้นมาสู้กับคนร้าย แต่ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า วิธีนี้จะช่วยลดจำนวนผู้เสียชีวิตในเหตุกราดยิงลงได้ การสู้กับคนร้ายจะเป็นวิธีสุดท้ายเท่านั้น แต่วิธีแรกที่ดีที่สุดคือ ให้วิ่งหนี