ความคืบหน้าการเสียชีวิตของ "เอก สรพงศ์ ชาตรี" หรือ นายกรีพงษ์ เทียมเศวต พระเอกและนักแสดงชื่อดัง ศิลปินแห่งชาติ ที่เสียชีวิตวานนี้ (10 มี.ค.) ในวัย 71 ปี (อ่านรายละเอียด)
โดยวันนี้ (11 มี.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ครอบครัวและผู้เกี่ยวข้องได้เคลื่อนย้ายร่าง "สรพงศ์ ชาตรี" ออกจากโรงพยาบาล ไปยัง ศาลากลางน้ำ วัดเทพศิรินทร์ เพื่อทำพิธีรดน้ำศพในเวลา 15.00 น.
ซึ่งในเวลา 14.00 น. ร่างของสรพงศ์ได้เคลื่อนออกจากโรงพยาบาล มุ่งหน้าไปวัดเทพศิรินทร์ฯ โดยใช้เส้นทางถนนสุขุมวิท _ เพลินจิต - ราชประสงค์ - แยกปทุมวัน - สะพานยศเส เลี้ยวซ้าย - แยก สน.นพวงศ์ เลี้ยวขวา และ ห้าแยกพลับพลาไชย เลี้ยวขวา ถึงที่หมายศาลากลางน้ำ วัดเทพศิรินทร์ฯ
โดยที่ศาลากลางน้ำ วัดเทพศิรินทร์ฯ บรรยากาศก่อนพิธีรดน้ำศพสรพงศ์ ได้มีบรรดาญาติ บุคคลใกล้ชิด รวมถึงแฟนคลับ และดารานักแสดง เดินทางมาร่วมพิธีดังกล่าว ซึ่งในเวลา 14.30 น. ทางครอบครัวนำโดย ดวงเดือน จิไธวงค์ ภรรยาของนายสรพงศ์เป็นผู้นำขบวนโลงไม้สักสีน้ำตาล ซึ่งบรรจุศพของนายสรพงษ์ เข้ามาภายในบริเวณศาลา 11 เพื่อเตรียมทำพิธีรดน้ำศพ และพระราชทานน้ำหลวงอาบศพต่อไป
จากนั้นในเวลา 15.00 น. ได้มีพิธีรดน้ำศพ และเวลา 17.00 น. จะมีพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ และจากนั้นเวลา 19.00 น. จะมีการสวดพระอภิธรรม โดยจะสวดถึงวันที่ 17 มี.ค. 65
ทั้งนี้ทางครอบครัวของสรพงศ์ได้ขอความกรุณางดพวงหรีดดอกไม้ และขอเชิญร่วมบริจาคทำบุญสมทบทุนมูลนิธิภัทรมหาราชนุสรณ์ในพระราชอุปภัมภ์ฯ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์
ขณะที่ "จิ๊ก เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์" นางเอกคู่ขวัญของ “สรพงศ์” ที่เดินทางมาร่วมไว้อาลัย เปิดเผยกับสื่อมวลชน ทั้งน้ำเสียงสั่นเครือ ว่า รู้สึกเสียใจมาก เนื่องจากตัวเองกับ พี่เอก สรพงศ์ สนิทกันมาก เป็นทั้งเพื่อน ทั้งพี่ และครู ที่คอยสั่งสอนงานในวงการบันเทิง จนทำให้ “จิ๊ก เนาวรัตน์” ได้รับรางวัลตุ๊กทอง มาในวันนี้
“หลังทราบข่าวร้ายถึงการจากไปของพี่เอกสรพงษ์ ชาตรี รู้สึกเสียใจ และช็อกมาก เนื่องจากว่าเป็นห้วงเวลาที่คนในวงการบันเทิงหลายคนเสียชีวิต ก่อนหน้านี้อย่าง "อาต้อย เศรษฐา" แล้วก็มาเหตุการณ์ของ "แตงโม นิดา" จนมาวันนี้ พระเอกในตำนาน อย่าง สรพงศ์ ชาตรี ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลสำคัญในวงการบันเทิง "จิ๊ก เนาวรัตน์" ระบุ
ส่วนกำหนดการสวดพระอภิธรรมศพ เริ่มระหว่างวันที่ 11-17 มีนาคม 65 เวลา 19.00 น. ซึ่งญาติจะเก็บศพไว้บำเพ็ญกุศล 100 วัน และกรมส่งเสริมวัฒนธรรมจะดำเนินการขอพระราชทานเพลิงศพต่อไป
ขณะที่ โย ทัศน์วรรณ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา อดีตภรรยา พร้อมด้วย ขวัญ พิมพ์อัปสร ลูกสาว ได้เปิดใจแก่สื่อมวลชน โดย ขวัญ พิมพ์อัปสร เปิดเผยว่า คุณพ่อไม่อยากให้ทุกคนเป็นห่วง และเป็นคนแข็งแรงมาก คิดว่ารักษาแล้วจะกลับมาทำงานได้เหมือนเดิม ซึ่งในช่วงแรกๆที่ป่วย ตนไม่ได้ไปเยี่ยม เพราะเป็นช่วงที่ไม่ได้เป็นอะไรมาก ช่วงหลัง ๆ ยังเป็นคนแข็งแรงมากในคนอายุเท่านี้
อาการช่วงแรกคุณพ่อเหมือนคนป่วยนิดหน่อย จนมาเริ่มเคลื่อนไหวช้าลง และเดินไม่สะดวก ตั้งแต่เมื่อช่วงปีที่ผ่านมา และเป็นช่วงโควิด จึงไม่ได้บอกใครให้มาเยี่ยม และเป็นความประสงค์ของคุณพ่อ คิดว่าคุณพ่อต้องหาย จนเร็ว ๆ นี้ก็คิดว่าต้องหายกำลังใจดีตลอด แข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ จนวินาทีก่อนเสีย ก็จากไปแบบยิ้ม
ซึ่งอาการก่อนจากไปของคุณพ่อ ความดันตกเหลือประมาน 70 คุณหมอแจ้งว่าพยายามปั๊มหัวใจแล้ว แต่ไม่ขึ้น ทุกครั้งที่จับมือ มือจะอุ่น แต่เมื่อวานมือเย็น ทำให้ใจเสีย ทุกคนเอาใจช่วย แต่คุณพ่อสู้มาเยอะแล้ว ทุกคนจึงบอกคุณพ่อว่าถ้าไม่ไหว ไม่ต้องห่วงอะไร ถ้าคุณพ่อจะไป อยากให้ไปโดยไม่ต้องห่วงและไม่ต้องทรมาน ซึ่งทุกคนไม่อยากให้คุณพ่อทรมาน ตลอดเวลาที่คุณพ่อสู้และหน้าตาสดใสมาตลอด จนสัปดาสุดท้ายก่อนเสียที่ผอมซูบลงอย่างเห็นได้ชัด ที่ผ่านมาตลอดเวลาที่อยู่ในห้องไอซียู ไม่เคยร้องเจ็บเลย
ที่ผ่านการเกิดเป็นลูกสรพงศ์ ตอนเด็กเคยคิดว่าต้องไม่ทำให้พ่อแม่เสียชื่อ จึงทำให้ตนเองเป็นคนรู้หน้าที่ ตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเอง ไม่ใช่การฝืนต้องเป็นเด็กดี เหมือนการทำตัวปกติ และภูมิใจที่ได้เกิดเป็นลูกคุณพ่อคุณแม่ ที่ได้ทำหน้าที่ในฐานะของพ่อแม่ หรือคนของประชาชนได้อย่างดี ภูมิใจและดีใจที่คุณพ่อภูมิใจในตัวเรา
ขณะที่ หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล เล่าถึงครั้งแรกที่ได้เจอ สรพงศ์ ชาตรี ว่า ครั้งแรกที่เจอกันมีคนมาสมัครเพื่อถ่ายหนังพร้อมกัน 3 คน ซึ่งต้องมีบทผู้ร้าย ซึ่ง 2 คนแรกไม่อยากเล่น แต่สรพงศ์อยากเล่น จึงเห็นแววที่ไม่เลือกบท จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้น และเริ่มทดลองว่าจะเล่นได้มั้ย เพราะตอนมาสมัครแต่งตัวใส่เนคไทท์มาอย่างดี เมื่อให้ลองอุ้มตุ๊กตากระโดดท้องร่อง แต่ก็ทำได้ดี และเห็นแววว่าเล่นเป็นพระเอกได้
นอกจากนี้สรพงศ์ยังถือเป็นคนที่กล้าได้กล้าเสีย เมื่อก่อนไว้ผมยาว สิ่งแรกที่ให้ทำ คือ ตัดผมที่วัยรุ่นสมัยนั้นไม่ทำ แต่สรพงศ์ยอมตัดมองว่า เป็นคนที่มีความตั้งใจและความพยายามสูงมาก ส่วนอาการป่วยทราบเรื่องมานานนับปี ถือเป็นคนที่เข้มแข็งมาก มีโอกาสได้อยู่ด้วยตลอด ตั้งแต่ป่วย ใช้มือจับหัวจนวิญญานออกจากร่าง