svasdssvasds
เนชั่นทีวี

บันเทิง

บัลแมง กับพระราชินีของไทย และอนาคตของแบรนด์

03 มกราคม 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ในอดีต สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงเลือกฉลองพระองค์อย่างพิถีพิถันทุกครั้ง ในการตามเสด็จ ร.9 เยือนต่างประเทศ ซึ่งดีไซเนอร์ประจำพระองค์ คือ ปิแอร์ บัลแมง แห่งห้องเสื้อ Balmain ของกรุงปารีส จากอดีตจนปัจจุบัน Balmain กลายเป็นแบรนด์ยุคใหม่ ที่มุ่งสร้างความเท่าเทียมกันของคนในสังคม กับดีไซเนอร์คนปัจจุบันที่อายุเพียง 31ปี

       สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงเลือกฉลองพระองค์อย่างพิถีพิถันทุกครั้ง ในการตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเยือนต่างประเทศ หนึ่งในพระราชกรณียกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก คือ ทรงเป็นผู้นำการเผยแพร่ฉลองพระองค์ผ้าไหมไทย ถักทอลวดลายอย่างประณีตงดงามสู่เวทีโลก  โดยแวดวงดีไซเนอร์ชื่อดังของโลก 2,000 คน เคยลงคะแนนให้สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเป็น 1 ใน 10 ของ "สตรีที่แต่งพระองค์งามที่สุดในโลก 
         ซึ่งดีไซเนอร์ประจำพระองค์ ทั้งยามทรงชุดไทยหรือชุดแบบตะวันตก ก็ทรงเลือกดีไซเนอร์ระดับโลกจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ที่พระองค์โปรดให้นาย ปิแอร์ บัลแมง แห่งห้องเสื้อ Balmain เป็นผู้ตัดถวาย โดย ปิแอร์ บัลแมง นักออกแบบชาวฝรั่งเศส ได้ทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลการตัดเย็บฉลองพระองค์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เป็นเวลานานถึง ๒๒ ปี และมีส่วนสำคัญในการเผยแพร่ความงดงามของผ้าไหมไทย ให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
        ซึ่งในปี 2559 ก็ได้มีการจัดนิทรรศการ งามสมบรมราชินีนาถ ขึ้นมา เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๙ ที่นิทรรศการ เป็นการจัดแสดงฉลองพระองค์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ออกแบบโดย ปิแอร์ บัลแมง โดยนิทรรศการครั้งนี้ ยังเปิดให้เข้าชมยาว ไปจนถึงเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๑ ณ ห้องจัดแสดง ๑-๒ พิพิธภัณฑ์ผ้า ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งเปิดให้เข้าชมทุกวัน      และแม้ว่าปัจจุบัน นายปิแอร์ บัลแมง จะเสียชีวิตไปนานแล้ว แต่ว่าแบรนด์ บัลแมง ก็ยังคงมีลมหายใจ และเป็นหนึ่งในแบรนด์เนมชั้นนำสุดฮอทของวงการแฟชั่นโลก ที่ทุกคอร์เลคชั่นของบัลแมง จะถูกจับจ้องจากคนดังระดับโลกหลายคน ที่รอเป็นเจ้าของเพื่อที่จะได้สวมใส่เสื้อผ้าของบัลแมงออกงานหรู     โดยตอนนี้ คนที่กุมบังเหียนดูแลห้องเสื้อบัลแมงแทนนาย ปิแอร์ บัลแมง ก็คือครีเอทีฟไดเร็คเตอร์ของแบรนด์ นามว่า Olivier Rousteing วัย31ปี ที่เขาได้ทำให้ บัลแมง ยุคใหม่ กลายเป็นแบรนด์เสื้อผ้าของมหาชนคนทั้งโลก เพราะเขามีคอนเซ็ปต์การออกแบบเสื้อผ้า ที่ให้ความสำคัญกับ"หน้าตารูปร่างที่หลากหลาย"ของมนุษย์บนโลก 
     ไม่ว่าจะผิวสี เอเชีย หรือชาวตะวันตก ซึ่งเป็นเจตนารมณ์เดียวกันกับ นาย ปิแอร์ บัลแมง ผู้ก่อตั้งแบรนด์บัลแมง ที่ให้ความสำคัญกับการออกแบบและตัดเย็บฉลองพระองค์ ให้กับพระราชินีจากประเทศไทย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เช่นเดียวกัน ซึ่งในยุคที่ Olivier Rousteing ดูแล Balmain แอดโฆษณาของ Balmain ก็จะเลือกใช้นายแบบนางแบบที่มีหน้าตาสีผิวหลากหลายมากกว่าแบรนด์ชั้นนำอื่นๆเสมอ ที่เป็นการตอกย้ำภาพของการเชิดชู"ความเท่าเทียม"ทางด้านรูปร่างหน้าตา ที่ Balmain ต้องการเน้นย้ำมาตลอด     ซึ่งการที่เป็นแบบนี้ นั่นเพราะตัวของ Olivier Rousteing ครีเอทีฟไดเร็คเตอร์ของ Balmain เขาก็เป็นคนผิวสี ทำให้เขาเข้าใจดีถึงเรื่องการสร้างความเข้าใจเรื่องความเท่าเทียมกันของมนุษย์และการเลิกเหยียดสีผิว เพราะตั้งแต่เด็กๆ Rousteing นั้น ต้องต่อสู้กับเรื่องเหล่านี้มามากกว่าใครๆ เพราะเขาไมได้เป็นแค่คนผิวสี แต่เขายังเป็น"เด็กกำพร้า"ด้วย ที่เขาถูกพ่อแม่ทอดทิ้งมาตั้งแต่แรกเกิด!แต่โชคดี ที่ชะตาฟ้าลิขิตให้เขาได้เจอกับพ่อแม่บุญธรรมที่เพียบพร้อม และทุ่มเทความรักให้กับ Rousteing จนหมดใจ ทำให้เขาเติบโตมาเป็นคนที่รู้ความต้องการของตัวเองว่าอยากจะทำอะไร โลกนี้จึงได้เห็นแฟชั่นสวยงาม ที่เขารังสรรค์ให้กับแบรนด์ Balmain 
      Olivier Rousteing เกิดที่เมืองบอร์กโด ประเทศฝรั่งเศส แต่แม่แท้ๆที่ให้กำเนิดเขา นำทารกน้อย Rousteing มามอบให้กับสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ตอนที่เขาอายุได้เพียง 7วัน แต่อีกห้าเดือนต่อมา พ่อแม่บุญธรรมก็มารับตัวเขาไปเลี้ยงดู  ซึ่งสำหรับเมืองบอร์กโดนั้น ขึ้นชื่อเรื่องความเป็นเมืองที่ผู้คนค่อนข้างจะหัวเก่าอนุรักษ์นิยม แต่โชคดีที่พ่อแม่บุญธรรมของ Rousteing เป็นคนหัวก้าวหน้า เปิดรับสิ่งใหม่ตลอดเวลา ที่พวกเขาตกหลุมรักทารกน้อย Rousteing ทันทีตั้งแต่แรกเห็น และการได้มาเป็นเด็กผิวดำที่มีพ่อแม่เป็นคนผิวขาว ก็หล่อหลอมให้ Rousteing เป็นคนแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก เพราะอย่างที่บอกไปว่า คนในเมืองบอร์กโดค่อนข้างหัวเก่าอนุรักษ์นิยม ก็ทำให้ Rousteing ต้องโดนเพื่อนนิสัยไม่ดีดูถูกเหยียดหยามและเหยียดสีผิวมาตั้งแต่จำความได้ หนักข้อขนาดมีการพูดด่า ว่าพ่อหรือแม่ของ Rousteing ต้องไปนอนกับคนผิวดำมาแน่ๆถึงได้มีลูกที่มีสีผิวเข้มแบบนี้  แต่ความรู้สึกแย่ๆจากการโดนเหยียดหยามแบบนี้ ก็ไม่อาจสั่นคลอนครอบครัวของ Rousteing ได้ เพราะครอบครัวผิวขาวครอบครัวนี้ เขารักและชื่นชมในตัวคนผิวสี
       และไม่ได้แค่เป็นคนผิวสีหรือเด็กกำพร้าเท่านั้น แต่ Rousteing ยังยอมรับว่าตัวเองเป็น"เกย์"อีกด้วย ที่ต้องยอมรับกันว่า คนในสังคมก็ยังมีคนที่เหยียดเกย์ ทำให้ Rousteing ต้องเผชิญการเหยียดพร้อมกันถึงสามเรื่องมาตั้งแต่เด็กๆ ทั้งเรื่องสีผิว ความเป็นเด็กกำพร้า และการเหยียดเพศ แต่เขากลับบอกว่า ชีวิตของเขาที่เคยเผชิญกับการดูถูกดูแคลนมามากมายตั้งแต่เด็กๆแบบนี้ กลับทำให้เขาแข็งแกร่งและไม่หวั่นไหวกับคำวิจารณ์ใดๆอีกต่อไป ที่เขาเอาไปเปรียบเทียบกับการทำงานออกแบบของเขาว่า คำที่บางคนด่างานออกแบบแฟชั่นที่เขาทำนั้น ก็ยังเทียบไม่ได้เลยกับความเลวร้ายต่างๆที่เขาเจอตั้งแต่ตอนอายุ 10ขวบ ที่ตอนนั้นเขารู้ตัวแล้วว่ารักแฟชั่นมาก แต่ก็ยังโดนเพื่อนที่มีทัศนคติคับแคบดูถูกอีกว่า"ถ้าเธอชอบแฟชั่น ก็แสดงว่าเธอเป็นเกย์"
       จนมาถึงทุกวันนี้ Rousteing ก็ยังไม่แน่ใจว่า เขาทำงานออกแบบแฟชั่นได้ดีพอหรือยัง? เขารู้แต่เพียงว่า เขาอยากออกแบบเสื้อผ้าสวยๆ เพราะเขามองว่า เสื้อผ้าคือสิ่งสำคัญที่ใช้แสดงความเป็นตัวตนของคนที่สวมใส่   โดยที่ผ่านมา แฟนแฟชั่นจะได้เห็นว่า โฆษณาทุกชิ้นของแบรนด์ Balmain จะมีการเลือกใช้นางแบบนายแบบหลากหลายสีผิว ทั้งผิวดำ ผิวเหลือง ผิวขาว ผิวน้ำตาล มาโพสท่ารวมอยู่ในโฆษณาเดียวกันเสมอ
       ซึ่งตอนนี้เราก็ได้คำตอบแล้วว่า ที่ดีไซเนอร์ Olivier Rousteing สร้างสรรค์ภาพลักษณ์ Balmain ยุคใหม่ออกมาแบบนี้ ก็เพราะเขาต้องการเห็นความเท่าเทียมกันของคนในสังคม ไม่มีการดูถูกหรือแบ่งแยกสีผิว แบ่งแยกสถานะ และแบ่งแยกเพศอีกต่อไป เพราะเพียงแค่การดูถูกเหยียดผิวที่เขาเจอมากับตัวเองตั้งแต่เป็นเด็ก มันก็มีมากมายเกินพอแล้ว       และเรามั่นใจว่า ตอนนี้คนทั้งโลกคงยุติการเหยียดหยาม Rousteing ไปแล้วทุกเรื่อง เพราะทุกคนไม่ว่าจะมีผิวสีไหน มีสถานะใด หรือมีเพศสภาพแบบใด แต่บนร่างกายของหลายคนตอนนี้ คงได้สวมใส่เสื้อผ้าที่ Rousteing ออกแบบแล้ว เพราะเขาได้ออกแบบเสื้อผ้าให้กับแบรนด์ไฮสตรีทยอดนิยมราคาสายกระเป๋าจากสวีเดนอย่าง H&M ด้วย ที่ Olivier Rousteing นำสไตล์ของ Balmain มาใส่ไว้ในงานออกแบบเสื้อผ้าทั้งชายและหญิงของ H&M ที่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า และเรามั่นใจว่า ชื่อของแบรนด์แฟชั่นอย่าง Balmain จะอยู่คู่โลกนี้ไปอีกนานแสนนาน

logoline