svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเงิน-การลงทุน

เทียบฟอร์ม 3 ยักษ์ใหญ่นิคมอุตสาหกรรม ! ใครเจ๋งสุด

ไทยเป็นหมุดหมายที่ต่างประเทศย้ายฐานการผลิต หลังจากเกิดปัญหาความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ ในวันนี้พาไปส่อง 3 บริษัทยักษ์ใหญ่นิคมอุตสาหกรรม บริษัทไหนแจ่มสุด ราคาหุ้นวิ่งฉิว ตามไปดูกันเลย

นิคมอุตสาหกรรม คือเขตพื้นที่ดิน ซึ่งจัดสรรไว้สำหรับโรงงานอุตสาหกรรมเข้าไปอยู่รวมกันอย่างเป็นสัดส่วน ประกอบด้วย พื้นที่อุตสาหกรรม สิ่งอำนวยความสะดวก สาธารณูปโภค และสาธารณูปการ เช่น ถนน ท่อระบายน้ำ โรงกำจัดน้ำเสียส่วนกลาง ระบบป้องกันน้ำท่วม ไฟฟ้า น้ำประปา โทรศัพท์ นอกจากนั้นยังประกอบด้วย บริการอื่นที่จำเป็น

พื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่

  • เขตอุตสาหกรรมทั่วไป (General Industrial Zone)  ซึ่งเป็นเขตพื้นที่ที่กำหนดไว้สำหรับการประกอบอุตสาหกรรม การบริการหรือกิจการอื่นที่เป็นประโยชน์ หรือเกี่ยวเนื่องกับการ ประกอบอุตสาหกรรมหรือ การบริการ
  • เขตประกอบการเสรี (I-EA-T Free Zone)  ถือเป็นเขตพื้นที่ที่กำหนดไว้สำหรับการประกอบอุตสาหกรรมพาณิชยกรรม หรือกิจการอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับการประกอบ อุตสาหกรรมหรือพาณิชยกรรมเพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจ การรักษาความมั่นคงของรัฐ สวัสดิภาพของประชาชนการ จัดการด้านสิ่งแวดล้อม หรือความจำเป็นอื่นตามที่คณะกรรมการกำหนด โดยของที่นำเข้าไปในเขตดังกล่าวจะได้รับสิทธิ ประโยชน์ทางภาษีอากรและค่า ธรรมเนียมเพิ่มขึ้นตามที่กฎหมาย

     

เทียบฟอร์ม 3 ยักษ์ใหญ่นิคมอุตสาหกรรม ! ใครเจ๋งสุด

Nation story ได้สำรวจข้อมูลของ 3  บริษัทนิคมอุตสาหกรรมรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)
 ประกอบด้วย บมจ. ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA), บมจ. อมตะ คอร์ปอเรชัน (AMATA) และบมจ.สวนอุตสาหกรรมโรจนะ (ROJNA)  น่าสนใจไม่น้อย  หลังนักลงทุนต่างชาติเริ่มย้ายฐานการผลิตเข้ามาไทยจากปัญหาความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ทำให้ยอดขาย-การเช่าที่ดินในนิคมเริ่มปรับตัวดีขึ้น  

โดยแต่ละบริษัทมีผลประกอบการไตรมาส 1/67 เด่นมากน้อยแค่ไหน   และนอกจากขาย-เช่าที่ดินแล้ว บริษัทธุรกิจอะไรเพิ่มอีกบ้าง ตามไปดูกันเลย

เริ่มจาก บมจ. ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA)

- มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด  82,207.59 ล้านบาท

- นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ดำรงตำแหน่งประธานการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท WHA   

- ผู้ถือหุ้นอันดับ 1 น.ส. จรีพร จารุกรสกุลถือหุ้น 3,481,188,569  หุ้น สัดส่วน 23.29%

- P/E (Price to Earnings Ratio)  15.61 เท่า

- อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน  3.34% 

- ราคาหุ้นตั้งแต่ม.ค.-ปัจจุบันเคลื่อนไหวสูงสุด 5.65 บาท ต่ำสุด 4.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.77%

-  รายได้รวมไตรมาส 1/67 อยู่ที่ 3,929.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 61% มาจากธุรกิจที่ดิน ธุรกิจสาธารณูปโภค ธุรกิจไฟฟ้า และธุรกิจการให้เช่าและบริการ

-กำไรสุทธิไตรมาส 1/67 อยู่ที่   1,364.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 161.1% (YOY)

เทียบฟอร์ม 3 ยักษ์ใหญ่นิคมอุตสาหกรรม ! ใครเจ๋งสุด

ธุรกิจโลจิสติกส์ 
มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 1/67 มีการลงนามสัญญาเช่าโครงการ Built-to-Suit และโรงงาน คลังสินค้าเพิ่ม รวม 29,623 ตร.ม. และมีสัญญาเช่าระยะสั้น ที่ให้ผลตอบแทนสูง จำนวน 33,455 ตร.ม. ทำให้บริษัทฯ มีพื้นที่คลังสินค้าภายใต้การถือครองและบริหารรวม 2,960,056 ตร.ม.

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับการนำยานยนต์ไฟฟ้ามาใช้ในภาคขนส่งของประเทศ ภายใต้การลงทุนในโครงการ Green Logistics ที่ให้บริการด้านยานยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจร อาทิ การให้บริการรถขนส่ง ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์การติดตั้งระบบชาร์จสถานีชาร์จ พร้อมด้วย WHA Green Mobility Platform (W-GMP) แพลตฟอร์มที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการยานยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ให้กับลูกค้า

โดยล่าสุด บริษัทฯ ได้จัดตั้ง บริษัท โมบิลิกส์จำกัด (Mobilix) แบรนด์ให้บริการด้านยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าผู้ให้บริการด้าน โลจิสติกส์โดย ณ สิ้นไตรมาส 1/67 ประสบความสำเร็จมีลูกค้าเซ็นสัญญาเช่าซื้อยานยนต์ไฟฟ้าไปแล้วกว่า 176 คันและคาดว่าทั้งปีจะมีลูกค้าเข้ามาเซ็นสัญญาเพิ่มได้ถึง 1,000 คัน  

ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ไตรมาส 1/67 บริษัทฯ มียอดการโอนที่ดินสูงขึ้นมากกว่าสองเท่าตัวจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นอานิสงส์จากการย้ายฐานการลงทุนและการผลิตมายังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างต่อเนื่อง โดยมียอดขายที่ดินรวม 629 ไร่ (ไทย 575 ไร่ / เวียดนาม 55 ไร่) และยอดลงนาม MOU รวม 715 ไร่(ไทย 669 ไร่ / เวียดนาม 46 ไร่) ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 1/2567 บริษัทฯ มียอดขายที่รอการโอนกรรมสิทธิ์ให้กับลูกค้า(Backlog) สูงถึง 1,087 ไร่ (ไทย 1,052 ไร่ / เวียดนาม 34 ไร่)

ธุรกิจสาธารณูปโภค (น้ำ) โดยมีปริมาณยอดขายและ บริหารน้ำทั้งในประเทศและต่างประเทศรวม 40.3 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็นปริมาณการจำหน่ายน้ำภายในประเทศ จำนวน 32.2 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้นจากการเติบโตขึ้นของปริมาณยอดจำหน่ายนน้ำทุกผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะ ผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม และน้ำดิบที่มีความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นจากลูกค้ากลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี

นอกจากนี้บริษัทฯ ได้ลงนามในสัญญาการให้บริการน้ำอุตสาหกรรมคุณภาพสูง (Premium Clarified Water) ปริมาณการผลิต 3.5 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ให้กับบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ตะวันออก (มาบตา พุด) ซึ่งคาดว่าจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงเดือนกันยายนนี้

ธรุกิจไฟฟ้า บริษัทฯ มีส่วนแบ่งกำาไรปกติจากธุรกิจไฟฟ้าโดยรวมเพิ่มขึ้น จากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรของกลุ่ม โรงไฟฟ้า GHECO-One ที่เพิ่มขึ้นจากการหยุดซ่อมบำรุงลดลง ประกอบกับส่วนแบ่งกำไรจากกลุ่มโรงไฟฟ้า SPPs ที่ เพิ่มขึ้นจากต้นทุนก๊าซธรรมชาติลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

ธุรกิจดิจิทัล  มีแผนเดินหน้าโครงการ Green Logistics ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา WHA Green Mobility Platform (W-GMP) ที่รวมบริการ ต่างๆ สำหรับลูกค้ายานยนต์ไฟฟ้าภาคธุรกิจตั้งแต่การบริหารยานพาหนะ (Fleet Management) การวางแผนเส้นทาง (Route Optimization) ไปจนถึงการเชื่อมโยงโครงข่ายสถานี อัดประจุยานยนต์ไฟฟ้า (EV Roaming)

โดยบริษัทฯ คาดว่าจะสามารถเปิดตัวแพลตฟอร์ม W-GMP ได้ภายในไตรมาส 2/67 ด้วยแพลตฟอร์มดังกล่าว บริษัทฯ จึงถือเป็นผู้ ให้บริการยานยนต์ไฟฟ้ารายแรกที่ให้บริการแบบครบวงจรที่ครอบคลุมทั้งระบบนิเวศ (End-to-end process)

เทียบฟอร์ม 3 ยักษ์ใหญ่นิคมอุตสาหกรรม ! ใครเจ๋งสุด


ถัดมาคือ บมจ. อมตะ คอร์ปอเรชัน (AMATA)

-  มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 27,370   ล้านบาท

-  นายวิกรม กรมดิษฐ์ ดำรงตำแหน่ง ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (รักษาการ) 

- ผู้ถือหุ้นอันดับ  1 นาย วิกรม กรมดิษฐ์ จำนวน 301,652,396 หุ้น สัดส่วน  26.23%

- P/E (Price to Earnings Ratio)  14.74  เท่า

- อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน   2.73%

- รายได้รวมไตรมาส 1/67 อยู่ที่ 2,820.87  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.46 % (YOY)

- กำไรสุทธิไตรมาส 1/67 อยู่ที่ 463.58  ล้านบาท ลดลง 5.77  % (YOY)

- ราคาหุ้นตั้งแต่ม.ค.-ปัจจุบันเคลื่อนไหวสูงสุด 26.75  บาท ต่ำสุด 20.70  บาท ลดลง 11.03 %

ธุรกิจพัฒนาที่ดินนิคมอุตสาหกรรม ในใตรมาสที่ 1/67 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 1,055 ล้านบาท ลดลง 130 ล้านบาทหรือ  10.97% จากงวดเดียวกันของปี 66 ถึงแม้จะมีการโอนที่ดินเพิ่มขึ้นจำนวน 23 ไร่ แต่เนื่องจากที่ดินส่วนใหญ่ที่โอนในไตรมาส 1/67 โดยหลักเป็นการโอนที่ดินจากนิคมอุดสาหกรรมในจังหวัดระยองและประเทศ เวียดนาม ซึ่งปัจจุบันมีราคาขายเฉลี่ยต่ำกว่าที่ดินจากนิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดชลบุรี จึงทำให้รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน

สำหรับรายละเอียดการโอนที่ดินในไตรมาส 1/67 มีการโอนที่ดินรวมทั้งสิ้น 151 ไร่ (ไทย 128 ไร่ และเวียดนาม 23 ไร่) ขณะที่ไตรมาส 1/66 มีการโอนที่ดินจำนวน 128 ไร่ (ไทย 128 ไร่) อัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 1/67  ปรับตัวลดลงอยู่ที่  53.93% จากปีก่อนที่ธุรกิจให้บริการสาธารณูปโภค รายได้ค่าบริการสาธารณูปโภคของบริษัท

ส่วนไตรมาส 1/ 67 อยู่ที่จำนวน 1,423 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 667 ล้านบาท หรือ 88.23% จากงวดเดียวกันของปี 2566 โดยหลักมาจากการขายไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าในนิคม อุดลาหกรรมของประเทศเวียดนามเพิ่มขึ้น แต่อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวลดลงจาก 25.40 % มาอยู่ที่ 17.08% เนื่องจากการขายไฟฟ้าดังกล่าวมีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำ จากการควบคุมราคาต้นทุนและราคาขายโดยรัฐบาลเวียดนาม

ธุรกิจโรงงานให้เช่าสำเร็จรูป บริษัทฯ มีรายได้จากการให้เช่าจำนวน 223 ล้านบาทในไตรมาส 1/67 เพิ่มขึ้น 24 ล้านบาท หรือ 12.06 % เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี  66 เนื่องจากมีการให้เช่าเพิ่มขึ้น โดยอัตรากำไรขั้นตันของธุรกิจ

เทียบฟอร์ม 3 ยักษ์ใหญ่นิคมอุตสาหกรรม ! ใครเจ๋งสุด

ปิดท้ายที่ บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) หรือ ROJNA 

- มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด  13,133 ล้านบาท

- นาย จิระพงษ์ วินิชบุตร ดำรงตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการ

- ผู้ถือหุ้นอันดับ  1   NIPPON STEEL TRADING CORPORATION  จำนวน 418,960,446   หุ้น สัดส่วน 20.74%

- ผู้ถือหุ้นอันดับ 8 นาย จิระพงษ์ วินิชบุตร จำนวน   28,590,381 หุ้น สัดส่วน 1.42%

- P/E (Price to Earnings Ratio)  14.97 เท่า

- อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน  6.15%

- รายได้รวมไตรมาส 1/67 อยู่ที่ 3,772.07 ล้านบาทลดลง 28.62%

- กำไรสุทธิไตรมาส 1/67 อยู่ที่   91.96  ล้านบาท ลดลง 52.81%  

- ราคาหุ้นตั้งแต่ม.ค.-ปัจจุบันเคลื่อนไหวสูงสุด 8.05  บาท ต่ำสุด  5.65 บาท เพิ่มขึ้น 11.11%

สาเหตุที่รายได้บริษัทลดลงมาจาก 

1. การขายอสังหาริมทรัพย์ ในปี 2566 มีลูกค้าเข้าทำสัญญาซื้อขายที่ดินเป็นจำนวนมาก แต่ในไตรมาสนี้ลูกค้ายังไม่ถึงกำหนดชำระเงินงวดสุดท้ายและโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดิน

2. รายได้จากการขายไฟฟ้า ลดลง เนื่องจาก มีลูกค้ารายใหญ่รายหนึ่ง ราคาขายอิงกับราคาค่าแก๊สที่ลดลง ทำให้ราคาขายต่อหน่วยลดลง

3. รายได้ค่าบริการและค่าเช่า เป็นรายได้จากการขายน้ำเพื่ออุตสาหกรรม, บริการบำบัดน้ำเสีย และค่าบริการส่วนกลาง

4. ต้นทุนขายอสังหาริมทรัพย์ ลดลงตามปริมาณพื้นที่ที่โอนที่ดินให้ลูกค้า

5. ต้นทุนขายไฟฟ้า ลดลงจากราคาค่าแก๊สที่ลดลง

6. ต้นทุนบริการและค่าเช่า เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและต้นทุนในการจัดจำหน่าย คิดเป็น 4.1% ของรายได้จากการประกอบธุรกิจ

7. ขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่าสินทรัพย์ทางการเงิน เป็นการจัดประเภทเงินลงทุนในหลักทรัพย์เผื่อขาย ซึ่งเป็นหลักทรัพย์ในความต้องการของตลาด แสดงด้วยมูลค่ายุติธรรม ณ วันปิดรอบบัญชี


อย่างไรก็ตาม ROJNA  ทำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในรูปนิคมอุตสาหกรรมและธุรกิจต่อเนื่อง เช่น ธุรกิจผลิตกระแสไฟฟ้า ธุรกิจกิจผลิตน้ำเพื่ออุตสาหกรรม