svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเงิน-การลงทุน

3 หุ้นตระกูลดัง รับอานิสงส์ "ดิจิทัลวอลเล็ต"

29 เมษายน 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ครม.ไฟเขียวเคาะกรอบดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท โบรกประเมิน 3 ตระกูลดัง “เจียรวนนท์-สิริวัฒนภักดี-โอสถานุเคราะห์” รับผลบวกจากโครงการ โดยราคาหุ้นสัปดาห์ที่ผ่านมาวิ่งฉิว จะมีตัวไหนบ้างเช็กเลย

ครม.ผ่านฉลุยกรอบหลักการโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet เม็ดเงิน 5 แสนล้านบาท เพิ่มน้ำหนัก ความเป็นไปได้ของนโยบาย “รัฐบาลเพื่อไทย” ว่าประชาชนจะได้รับการเติมเงินคนละ 10,000 บาท ในกระเป๋าเงินดิจิทัล ภายในไตรมาส 4 ปีนี้

โดยบล.กรุงศรี พัฒนสิน มองว่า การเดินหน้าโครงการ Digital Wallet  หลัง ครม. มีมติเห็นชอบ ในส่วนงบกลาง กระทรวงการคลังคาดเป็นการรองรับนโยบาย Digital Wallet เป็นบวกต่อหุ้นอิงกำลังซื้อภายใน CPALL, CPAXT, BJC, OSP, ICHI 

สอดรับกับบล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ระบุว่า โครงการ Digital Wallet ล่าสุดคลังเผยว่าเตรียมยื่นกฤษฎีกาตีความต่อการใช้วงเงินจาก ธกส. 1.7 แสนล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าไม่ทำให้ Timeline ของโครงการที่จะเริ่มไตรมาส 4/67  เปลี่ยนไป กลยุทธ์การลงทุนชอบ BEM, BDMS ผสานกลุ่มค้าปลีกและอาหารยังมีแรงส่งสนับสนุนหุ้น CPALL , ICHI


3 หุ้นตระกูลดัง รับอานิสงส์  \"ดิจิทัลวอลเล็ต\"


โดยหุ้น CPALL กับ CPAXT มีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นกลุ่ม "ตระกูลเจียรวนนท์"  ซึ่งเป็นเจ้าของกลุ่มบริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ ซีพี

บมจ. ซีพี ออลล์  หรือ CPALL มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด   509,791.00 ล้านบาท ผู้ถือหุ้น  10  อันดับแรกคือ
1. บริษัท ซี.พี.เมอร์แชนไดซิ่ง จำกัด ถือหุ้น 2,868,217,700 หุ้น สัดส่วน 31.93%

2. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด จำกัด ถือหุ้น 984,480,672 หุ้น สัดส่วน 10.96%

3. SOUTH EAST ASIA UK (TYPE C) NOMINEES LIMITED จำกัด ถือหุ้น  319,584,527 หุ้น สัดส่วน 3.56%

4. STATE STREET EUROPE LIMITED ถือหุ้น 259,655,252 หุ้น สัดส่วน  2.89%

5. CITIBANK NOMINEES SINGAPORE PTE LTD-A/C GIC C ถือหุ้น 216,127,308 หุ้น สัดส่วน  2.41%

6. สำนักงานประกันสังคม ถือหุ้น 196,958,400  หุ้น สัดส่วน 2.19%

7. THE BANK OF NEW YORK MELLON ถือหุ้น  164,321,143  หุ้น สัดส่วน 1.83%

8. UBS AG HONG KONG BRANCH ถือหุ้น   160,668,000 หุ้น สัดส่วน 1.79%

9.นาย นิติ โอสถานุเคราะห์ ถือหุ้น 138,986,600 หุ้น สัดส่วน  1.55%

10.นาย ปริญญา เธียรวร ถือหุ้น     108,200,000 หุ้น สัดส่วน   1.20%

รายได้รวม

ปี 62 อยู่ที่ 571,006.48  ล้านบาท

ปี 63 อยู่ที่ 546,364.02  ล้านบาท

ปี 64อยู่ที่ 587,189.76  ล้านบาท

ปี 65 อยู่ที่ 852,605.22  ล้านบาท

ปี 66 อยู่ที่ 920,841.35  ล้านบาท


กำไรสุทธิ

ปี 62 อยู่ที่ 22,343.08  ล้านบาท

ปี 63 อยู่ที่ 16,102.42  ล้านบาท

ปี 64 อยู่ที่ 12,985.48  ล้านบาท

ปี 65 อยู่ที่ 13,271.71  ล้านบาท

ปี 66 อยู่ที่ 18,482.13  ล้านบาท

3 หุ้นตระกูลดัง รับอานิสงส์  \"ดิจิทัลวอลเล็ต\"

บมจ. ซีพี แอ็กซ์ตร้า  หรือ CPAXT
  มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด  335,925.27 ล้านบาท  ผู้ถือหุ้น 10 อันดับแรกประกอบด้วย


 1.บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ถือหุ้น 3,693,728,100 หุ้น สัดส่วน 34.91%

2.บริษัท สยามแม็คโคร โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด  ถือหุ้น 2,646,302,800 หุ้น สัดส่วน25.01%

3. บริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด  ถือหุ้น 1,688,132,145 หุ้น สัดส่วน  15.96%

4. บริษัท ซี.พี.เมอร์แชนไดซิ่ง จำกัด  ถือหุ้น 936,066,072 หุ้น สัดส่วน 8.85%

5. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด  ถือหุ้น 367,101,778 หุ้น สัดส่วน 3.47%

6. SOUTH EAST ASIA UK (TYPE C) NOMINEES LIMITED  ถือหุ้น 55,985,164 หุ้น สัดส่วน     0.53%

7. STATE STREET EUROPE LIMITED  ถือหุ้น 47,164,986 หุ้น สัดส่วน  0.45%

8. นายปริญญา เธียรวร  ถือหุ้น 26,200,000 หุ้น สัดส่วน 0.25%

9. กองทุนเปิด กรุงศรีหุ้นระยะยาวปันผล LTF  ถือหุ้น  16,980,400 หุ้น สัดส่วน  0.16%

10. UOB KAY HIAN (HONG KONG) LIMITED - Client Account  ถือหุ้น      15,707,700 หุ้น สัดส่วน 0.15%

รายได้รวม

ปี 62 อยู่ที่  210,627.04 ล้านบาท

ปี 63 อยู่ที่ 218,760.19 ล้านบาท

ปี 64 อยู่ที่ 266,434.51 ล้านบาท

ปี 65 อยู่ที่ 469,131.44 ล้านบาท

ปี 66 อยู่ที่ 489,949.17 ล้านบาท

กำไรสุทธิ

ปี 62 อยู่ที่ 6,244.59 ล้านบาท

 ปี 63อยู่ที่ 6,562.67 ล้านบาท

ปี 64 อยู่ที่  13,686.73 ล้านบาท

ปี 65 อยู่ที่  7,696.90 ล้านบาท

ปี 66อยู่ที่  8,640.08 ล้านบาท

ขณะที่หุ้น BJC กับ ICHI มีผู้ถือหุ้นใหญ่ กลุ่มตระกูลสิริวัฒนภักดี ซึ่งเป็นเจ้าของกลุ่มบริษัทไทยเบฟเวอเรจ หรือเบียร์ช้าง

บมจ. เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ หรือ BJC  ผู้ถือหุ้น 10 อันดับแรกประกอบด้วย

1.บริษัท ทีซีซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด ถือหุ้น1,830,730,550 หุ้น สัดส่วน         45.68%

2.บริษัท ทีซีซี โฮลดิ้งส์ (2519) จำกัด ถือหุ้น      1,175,089,800  หุ้น สัดส่วน  29.32%

3.THE BANK OF NEW YORK (NOMINEES) LIMITED ถือหุ้น     260,470,700  หุ้น สัดส่วน  6.50%

4.บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด ถือหุ้น 136,951,230  หุ้น สัดส่วน          3.42%

5.สำนักงานประกันสังคม ถือหุ้น  121,797,200  หุ้น สัดส่วน 3.04%

6.บริษัท ไทยสิริวัฒน จำกัด ถือหุ้น          56,970,000  หุ้น สัดส่วน 1.42%

7.SOUTH EAST ASIA UK (TYPE C) NOMINEES LIMITED ถือหุ้น 28,620,900  หุ้น สัดส่วน    0.71%

8.THE HONGKONG AND SHANGHAI BANKING CORPORATION LIMITED,  SINGAPORE BRANCH ถือหุ้น 20,000,000  หุ้น สัดส่วน 0.50%

9.บริษัท สินธนรัตน์ จำกัด ถือหุ้น 13,578,200  หุ้น สัดส่วน 0.34%

10.STATE STREET EUROPE LIMITED ถือหุ้น 6,627,031  หุ้น สัดส่วน 0.17%

บมจ. อิชิตัน กรุ๊ป  หรือ ICHI    มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด  22,620  ล้านบาท ผู้ถือหุ้น 10 อันดับแรกประกอบด้วย

1.นาย ตัน ภาสกรนที ถือหุ้น 360,639,600 หุ้น สัดส่วน 27.74%

2.บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด ถือหุ้น 189,324,074 หุ้น สัดส่วน14.56%

3.นาง อิง ภาสกรนที ถือหุ้น 60,000,000 หุ้น สัดส่วน4.62%

4.น.ส. ใกล้นที ภาสกรนที ถือหุ้น 60,000,000 หุ้น สัดส่วน 4.62%

5.นาย ภาสกร ภาสกรนที ถือหุ้น   60,000,000 หุ้น สัดส่วน 4.62%

6.นาย ธิติ จิรนนท์กาล ถือหุ้น  35,000,000 หุ้น สัดส่วน 2.69%

7.นาย จารุวร สุขพันธุ์ถาวร ถือหุ้น  33,292,000 หุ้น สัดส่วน 2.56%

8.MRS. CHEN, MEI-FANG ถือหุ้น 24,842,000 หุ้น สัดส่วน 1.91%

9.STATE STREET EUROPE LIMITED ถือหุ้น 24,745,373 หุ้น สัดส่วน 1.90%

10.นาย ณัฐชาต คำศิริตระกูล ถือหุ้น 15,899,999 หุ้น สัดส่วน 1.22%

รายได้รวม

ปี 62 อยู่ที่ 5,347.71 ล้านบาท

 ปี 63 อยู่ที่ 5,107.96 ล้านบาท

ปี 64 อยู่ที่ 5,250.77  ล้านบาท

ปี 65อยู่ที่ 6,359.60  ล้านบาท

ปี 66 อยู่ที่ 8,085.04  ล้านบาท

กำไรสุทธิ

ปี 62 อยู่ที่  407.45 ล้านบาท

ปี 63 อยู่ที่  515.53 ล้านบาท

ปี 64 อยู่ที่  546.77 ล้านบาท

ปี 65 อยู่ที่  641.64 ล้านบาท

ปี 66 อยู่ที่  1,100.42 ล้านบาท


ส่วนหุ้น OSP มีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็น กลุ่มตระกูลโอสถานุเคราะห์ ซึ่งเป็นเจ้าของกลุ่มบริษัทโอสถสภา  มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด   63,979.88 ล้านบาท

บมจ. โอสถสภา  หรือ OSP ผู้ถือหุ้น 10 อันแรกประกอบด้วย

1. นาย นิติ โอสถานุเคราะห์ ถือหุ้น  723,097,300 หุ้น สัดส่วน 24.07%

2. BANK JULIUS BAER & CO. LTD, SINGAPORE ถือหุ้น 261,060,475 หุ้น สัดส่วน 8.69%  

3.บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด ถือหุ้น 143,857,881 หุ้น สัดส่วน 4.79%

4.นายภาสุรี โอสถานุเคราะห์ ถือหุ้น  107,175,400 หุ้น สัดส่วน 3.57%

5.น.ส เกสรา โอสถานุเคราะห์ ถือหุ้น  94,188,200 หุ้น สัดส่วน  3.14%

6.นาย ธัชรินทร์ โอสถานุเคราะห์  ถือหุ้น86,222,500 หุ้น สัดส่วน   2.87%

7.นาย ปริญญา เธียรวร  ถือหุ้น 82,000,000 หุ้น สัดส่วน   2.73%

8.NOMURA SINGAPORE LIMITED-CUSTOMER SEGREGATED ACCOUNTถือหุ้น 78,996,900 หุ้น สัดส่วน 2.63%

9.นายคฑา โอสถานุเคราะห์ ถือหุ้น 75,601,950 หุ้น สัดส่วน 2.52%

10.นายนาฑี โอสถานุเคราะห์ ถือหุ้น 75,480,650 หุ้น สัดส่วน 2.51%

รายได้รวม

ปี 62 อยู่ที่ 26,151.32 ล้านบาท

ปี 63 อยู่ที่ 26,129.08 ล้านบาท

ปี 64 อยู่ที่ 27,277.96 ล้านบาท

ปี 65 อยู่ที่ 27,481.87 ล้านบาท

ปี 66 อยู่ที่ 26,644.30 ล้านบาท

กำไรสุทธิ

ปี 62 อยู่ที่ 3,259.01 ล้านบาท

ปี 63 อยู่ที่ 3,504.31 ล้านบาท

ปี 64 อยู่ที่ 3,254.92 ล้านบาท

ปี 65 อยู่ที่ 1,933.77  ล้านบาท

ปี 66 อยู่ที่ 2,402.10 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจการเคลื่อนไหวราคาหุ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่าหุ้นตระกูลดังปรับตัวเพิ่มขึ้น 4-12%ประกอบด้วย หุ้น CPALLปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.11%จากราคา 55.25 บาท เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 57บาท โดยหุ้น CPAXT ปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.38%จากราคา 31 บาท เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 32.75บาท

ขณะที่หุ้น OSP ปรับตัวเพิ่มขึ้น12.11% จากราคา 19.30 บาท เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 21.30บาท หุ้น BJC ปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.85%จากราคา 24.40 บาท เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 25.75บาท หุ้น ICHI ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.85%จากราคา 16.60 บาท เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 17.30บาท

 

logoline