svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเงิน-การลงทุน

มาตรการพยุง “ตลาดหุ้นจีน” เบรกการปรับฐานได้หรือไม่

18 กุมภาพันธ์ 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

จีนออกมาตรการพยุงตลาดหุ้นในช่วงเดือนม.ค.ที่ผ่านมาวงเงินกว่า 2 ล้านล้านหยวนจะเบรกการปรับฐานได้หรือไม่ หลังจากในเดือนม.ค. ดัชนี MSCI China ปรับตัวลดลงกว่า 9%  และข้อมูลในอดีตเป็นอย่างไร ตามไปดูกันเลย

ตั้งแต่เริ่มต้นปี 2024 เป็นต้นมายังคงไม่ใช่ปีที่ดีของตลาดหุ้นจีน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ตลาดหุ้นจีนปรับลดลงมาต่อเนื่อง 3 ปีติตต่อกันตั้งแต่ปี 2021-2023 โดยในเดือนมกราคม ดัชนี MSCI China ปรับตัวลดลงกว่า 9% ก่อนที่จะเริ่มฟื้นขึ้นมาเล็กน้อยเหลือผลตอบแทนติดลบ 6% นับตั้งแต่ต้นปี (ณ วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2024) ส่วนดัชนีหุ้นจีน A-Shares ปรับตัวลดลงในเดือนมกราคมกว่า 6% ก่อนที่จะเริ่มตัวฟื้นขึ้นมาได้เล็กน้อยเช่นกัน

โดยการฟื้นตัวของหุ้นจีนเกิดขึ้นตั้งแต่ในช่วงปลายเดือน มกราคม สาเหตุหลักมาจากการมาตรการต่าง ๆ ของทางการจีนที่ออกมาพยุงตลาดหุ้น อาทิ เตรียมจัดตั้งกองทุนพิเศษเพื่อพยุงหุ้นจีน ด้วยวงเงินกว่า 2 ล้านล้านหยวน รวมถึงมาตรการอื่น ๆ อาทิ การควบคุมธุรกรรม Short sell และมาตรการควบคุมเงินทุนไหลออก

โดยคำถามสำคัญที่นักลงทุนต้องการคำตอบหลังจากนี้ก็คือการยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือและพยุงตลาดหุ้นของทางการจีนในครั้งนี้จะสามารถหยุดการปรับฐานของตลาดหุ้นจีนได้หรือไม่

มาตรการพยุง “ตลาดหุ้นจีน” เบรกการปรับฐานได้หรือไม่

 

- ทำไมทางการจีนถึงยื่นมือเข้ามาพยุงตลาดหุ้นจีนในครั้งนี้

ดัชนี MSCI China ปรับลดลงมาแล้วกว่า 63% จากจุดสุดเมื่อปี 2021 ทำให้มูลค่าของตลาดหุ้นจีนลดลงมาแล้วกว่า $6 ล้านล้านเหรียญ ในช่วงกว่า 30 ปีที่ผ่านมามีเพียงในปี 1997 ที่เกิดวิกฤติต้มยำกุ้ง (-82% จากจุดสูงสุด) และในปี 2008 ที่เกิดวิกฤติแฮมเบอเกอร์ (-74% จากจุดสูงสุด) เท่านั้นที่ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลดลงมาแรงกว่า

โดยทำให้ทางการจีนเริ่มกังวลว่าหากตลาดหุ้นจีนปรับตัวลงต่อเนื่องอาจส่งผลกระทบให้เกิดความเสี่ยงต่อระบบการเงินของประเทศได้ 

นอกจากนี้การปรับตัวลงของตลาดหุ้นจีนยังถูกทางการมองว่าเป็นโอกาสสำคัญที่จะเพิ่มความมั่งคั่งให้กับชาวจีนหลังจากที่ก่อนหน้านี้ความมั่งคั่งของชาวจีนกว่า 60% อยู่ในรูปแบบอสังหาริมทรัพย์

โดยปัญหาที่เกิดขึ้นกับภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน ส่งผลให้การปรับตัวเพิ่มขึ้นของตลาดหุ้นอาจเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ทำให้ความมั่งคั่งของชาวจีนกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ซึ่งก่อนหน้านี้สัดส่วนความมั่งคั่งของชาวจีนอยู่ในตลาดหุ้นเพียงแค่ 5% เท่านั้น

มาตรการพยุง “ตลาดหุ้นจีน” เบรกการปรับฐานได้หรือไม่

อย่างไรก็ตาม หากตลาดหุ้นสามารถฟื้นตัวขึ้นได้ก็จะยังถือเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่หน่วยงานด้านรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ของจีนจะมีมูลค่าที่สูงขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้มูลค่าของบริษัทรัฐวิสาหกิจจีนปรับลดลงตามตลาดหุ้นจีนเช่นกัน

โดยในตลาดหุ้นจีนทั้งหมด มีบริษัทที่เป็นรัฐวิสาหกิจจดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้นคิดเป็นสัดส่วนกว่า 20% ของมูลค่าตลาดทั้งหมดเมื่อรวมทั้งหุ้นจีน A Shares , H Shares และ หุ้นจีนที่จดทะเบียนในตลาดต่างประเทศเข้าด้วยกัน     

- ทางการจีนต้องใช้เงินจำนวนเท่าไหร่และนำเงินมาจากไหนถึงจะสามารถช่วยพยุงตลาดหุ้นได้

บทวิเคราะห์ที่จัดทำโดย Goldman Sachs คาดการณ์ว่าอย่างน้อยทางการจีนจะต้องใช้เม็ดเงินราว 180,000 -200,000 ล้านหยวน ซึ่งคิดเป็นราว 0.3% ของ Market Cap ทั้งหมด หากว่าต้องการสร้างเสถียรภาพและลดความผันผวนในตลาดหุ้นได้ในระยะสั้น

แต่หากนักลงทุนต่างชาติยังคงเทขายหุ้นจีนอย่างต่อเนื่อง ก็อาจจะมีความจำเป็นที่ทางการจีนต้องใช้เงินจำนวนมากกว่านั้น เนื่องจากปัจจุบันนักลงทุนต่างชาติถือครองหุ้นจีน H-Shares ราว $610,000 ล้านเหรียญ (4.3 ล้านล้านหยวน) และถือครองหุ้นจีน A-Shares ราว $138,000 ล้านเหรียญ ( 981,500 ล้านหยวน)

หากเทียบกับการเข้ามาซื้อหุ้นเพื่อพยุงตลาดหุ้นของทางการจีนเมื่อปี 2015 (ใช้เงินซื้อคิดเป็น 6.1% ของ freefloat market cap) เทียบกับมูลค่าของตลาดหุ้น ณ ปัจจุบัน เม็ดเงินที่ทางการจีนใช้ซื้อหุ้นจะคิดเป็นมูลค่าเงินสูงถึงราว 1.4 ล้านล้านหยวนเลยทีเดียว

- การที่รัฐบาลเข้ายื่นมือมาช่วยเหลือจะทำให้ตลาดหุ้นปรับเพิ่มขึ้นได้หรือไม่

ในอดีตไม่เพียงแต่ทางการจีนเท่านั้นที่เข้ามาช่วงพยุงตลาดหุ้น โดยรัฐบาลที่เคยเข้าซื้อหุ้นเพื่อช่วยพยุงตลาดเคยเกิดขึ้นที่ไต้หวันในปี 1990 ฮ่องกงในปี 1997 สหรัฐฯในปี 2008 และ จีนเองในปี 2015

ซึ่งที่ผ่านมาการเข้าซื้อหุ้นของรัฐบาลก็สามารถช่วยให้ตลาดหุ้นฟื้นได้ในระยะสั้น แต่ก็ไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันเสมอไปว่าตลาดหุ้นจะปรับตัวขึ้นได้อย่างยั่งยืนและผ่านจุดต่ำสุดไปได้หลังจากนั้น โดยเมื่อปี 2015 เองที่ทางการจีนเคยเข้าซื้อหุ้นเพื่อพยุงตลาด ตลาดหุ้นจีนเองก็ปรับตัวลดลงต่อและจุดต่ำสุดเกิดขึ้นเกือบ 1 ปีต่อมาในปี 2016

สำหรับในครั้งนี้คาดว่าปัจจัยที่จะทำให้ตลาดหุ้นจีนผ่านจุดต่ำสุดและปรับตัวเพิ่มขึ้นได้น่าจะเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมามากกว่านี้ของรัฐบาลจีน ซึ่งมาตรการที่มีประสิทธิภาพเพียงพอจะช่วยให้เศรษฐกิจจีนเริ่มฟื้นขึ้น และส่งผลมายังผลประกอบการของบริษัทจะทะเบียนของจีน ซึ่งจะกลับมามีกำไรเติบโตได้ดีอีกครั้ง

นอกจากนี้แล้วสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนอาจเป็นการจุดประกายให้นักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะนักลงทุนที่เป็นสถาบันหันกลับมาลงทุนในหุ้นจีนอีกครั้ง หลังจากที่เทขายหุ้นจีนออกไปในช่วงก่อนหน้านี้

แต่หากรัฐบาลยังไม่ได้มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาเพิ่มเติมและเศรษฐกิจจีนยังคงอ่อนแอเหมือนในช่วงที่ผ่านมา การยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือจากทางการจีนก็คงเป็นได้แค่เพียงปัจจัยหนุนตลาดหุ้นได้ในระยะสั้นเท่านั้น...
 

บทความโดย :  สวภพ ยนต์ศรี AFPT™  Senior Wealth Manager บลจ.ทิสโก้

 

 

logoline